ต้องรู้! เป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร เลี่ยงได้กรดไหลย้อนหายแน่

แชร์ได้เลยค่ะ

โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease: GERD) เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับ ระบบทางเดินอาหาร เพราะเป็นอาการของกรด หรือ น้ำย่อยในกระเพาะ ไหลย้อนกลับมาในหลอดอาหารของเรา ทำให้หลอดอาหารอักเสบ ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องรู้ว่าเมื่อเป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร เพื่อไม่ให้กรดไหลย้อนกำเริบ มีอาการแสบกลางอก เรอเปรี้ยว ขมคอ จุก เสียด แน่นท้อง ที่สำคัญเราไม่ควรปล่อยให้อาการกรดไหลย้อนเรื้อรัง หลอดอาหารเป็นแผล หรือเป็นกรดไหลย้อน กินยาไม่หายแล้ว เพราะถือว่าเสี่ยงต่อการผ่าตัด หรืออาจลุกลามกลายเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้

กินยารักษากรดไหลย้อน แต่ไม่หายสักที 
อาจเพราะไม่รู้ว่าเป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร

รู้ให้ชัด เป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร

1. อาหารที่มีไขมันสูง
อาหารที่มีไขมันสูง มีส่วนทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวลดลง อาหารค้างอยู่ในกระเพาะนานกว่าปกติ ส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น จึงไปกระตุ้นให้กรดไหลย้อนกำเริบ ไหลขึ้นมายังหลอดอาหาร ทำให้มีอาการแสบกลางอก เรอเปรี้ยว ขมคอ นั่นเอง โดยอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของมัน, ของทอด, เบเกอรี่, เนย, ชีส, ครีม เป็นต้น
2. ผักดิบ หรือ ผักที่มีแก๊สสูง 
ผักดิบ หรือ ผักที่มีแก๊สสูง เช่น หอมหัวใหญ่, หอมแดง, กระเทียม, พริกไทย, สะระแหน่ ฯลฯ มีส่วนเพิ่มกรดแก๊สในกระเพาะอาหาร ทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบ มีอาการแสบกลางอกขึ้นได้
3. ของหมักดอง 
ของหมักดอง มีส่วนเพิ่มแก๊สในกระเพาะอาหาร นอกจากกรดไหลย้อนกำเริบแล้ว ยังทำให้รู้สึกจุก เสียด แน่นท้อง ได้อีกด้วย เช่น ผลไม้ดอง, ผลไม้แช่อิ่ม, หน่อไม้ดอง, ปลาร้า เป็นต้น
4. ผลไม้ที่มีกรดสูง
เช่น ส้ม, สับปะรด, มะนาว, เสวรส ฯลฯ รวมไปถึงน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว และซอสมะเขือเทศด้วย เพราะมีฤทธิ์เป็นกรด ทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้  
5. น้ำส้มสายชู 
เป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร? ต้องจำไว้ให้ขึ้นใจเลยว่า ห้ามกินน้ำส้มสายชูเด็ดขาด เพราะมีส่วนเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้นไปอีก ใครที่ชอบปรุงก๋วยเตี๋ยว หรืออาหาร ด้วยน้ำส้มสายชู รวมไปถึงชอบทานอาหารรสจัด เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด เค็มจัด นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กรดไหลย้อน กินยาไม่หายสักทีก็เป็นได้ 
6. โซดา และ น้ำอัดลม
โซดา และ น้ำอัดลม มีส่วนทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ท้องอืด และมีกรดไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหารได้ นอกจากจะเสี่ยงเป็นกรดไหลย้อนแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบอีกด้วย
7. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น เหล้า ไวน์ เบียร์ ค็อกเทล ล้วนมีส่วนไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารเปิดออก ทำให้กรดจากกระเพาะอาหาร ไหลย้อนกลับไปที่หลอดอาหาร ส่งผลอาการกรดไหลย้อนกำเริบขึ้นมาได้ง่ายนั่นเอง
8. ชา และ กาแฟ
เชื่อว่าหลายคนคงเคยสงสัยว่า เป็นกรดไหลย้อนกินกาแฟได้ไหม เพราะเป็นคนติดกาแฟมาก เราขอตอบว่า สามารถกินกาแฟได้ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ ก็จะดีกว่า เพราะในชาและกาแฟมีคาเฟอีน ที่จะไปกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อน แต่หากจำเป็นต้องกินกาแฟจริงๆ ก็แนะนำให้ทานแค่เฉพาะตอนเช้าจะดีกว่า และควรดื่มแค่วันละ 1 แก้วเท่านั้น
9.  นม
เป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร? เป็นกรดไหลย้อนกินนมได้ไหม? สามารถดื่มได้ แต่ควรเป็นนมที่มีไขมันต่ำ เพราะไขมันที่อยู่ในนม มีส่วนกระตุ้นให้กรดไหลย้อนกำเริบได้เช่นกัน
10. หมากฝรั่ง
สำหรับใครที่ชอบเคี้ยวหมากฝรั่งบ่อยๆ นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่เป็นกรดไหลย้อน กินยาไม่หายสักที เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นการเพิ่มการหลั่งน้ำลาย และเราจำเป็นต้องกลืนน้ำลาย กลืนลมลงกระเพาะอาหารมากขึ้น ซึ่งนี่แหละคือสาเหตุของกรดไหลย้อนกำเริบขึ้นมาได้บ่อยๆ นั่นเอง
11. ช็อกโกแลต
เป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร? ถ้าตอบว่าห้ามกินช็อคโกแลต หลายคนต้องร้องกรี๊ดกันอย่างแน่นอน เพราะช็อกโกแลตมีทั้งคาเฟอีน ไขมัน โกโก้ ที่มีผลต่ออาการกรดไหลย้อนได้โดยตรง ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงได้ ก็หลีกเลี่ยงจะดีกว่า
12. ชานมไข่มุก 
การใช้หลอดดูดมากๆ เช่น ชานมไข่มุก หรือการใช้หลอดดูดขนาดใหญ่ เกิดการนำพาลมเข้ากระเพาะเป็นจำนวนมาก ทำให้อาการจุกแน่น ลมตี ปวดหัว เสียดหน้าอก ฯลฯ เพิ่มมากขึ้นโดยตรงเกิดการนำพาลมเข้ากระเพาะเป็นจำนวนมาก ทำให้อาการจุกแน่น ลมตี ปวดหัว เสียดหน้าอก ฯลฯ เพิ่มมากขึ้นโดยตรง

คุณเคยสงสัยหรือไม่? ว่าทำไมอาการกรดไหลย้อน กินยาไม่หายสักที ทำไมกรดไหลย้อนกำเริบบ่อย มีอาการแสบกลางอกบ่อย แม้ว่าจะกินยารักษาไปแล้วก็ตาม คำถามนี้ตอบได้ง่ายมาก เพราะว่าคุณอาจกำลังกินอาหาร ที่ไปกระตุ้นให้กรดไหลย้อนกำเริบนั่นเอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็น ที่คุณต้องรู้ว่า เป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร

1. อาหารที่มีไขมันสูง

อาหารที่มีไขมันสูง มีส่วนทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวลดลง อาหารค้างอยู่ในกระเพาะนานกว่าปกติ ส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น จึงไปกระตุ้นให้กรดไหลย้อนกำเริบ ไหลขึ้นมายังหลอดอาหาร ทำให้มีอาการแสบกลางอก เรอเปรี้ยว ขมคอ นั่นเอง โดยอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของมัน, ของทอด, เบเกอรี่, เนย, ชีส, ครีม เป็นต้น

2. ผักดิบ หรือ ผักที่มีแก๊สสูง

ผักดิบ หรือ ผักที่มีแก๊สสูง เช่น หอมหัวใหญ่, หอมแดง, กระเทียม, พริกไทย, สะระแหน่ ฯลฯ มีส่วนเพิ่มกรดแก๊สในกระเพาะอาหาร ทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบ มีอาการแสบกลางอกขึ้นได้

3. ของหมักดอง

ของหมักดอง มีส่วนเพิ่มแก๊สในกระเพาะอาหาร นอกจากกรดไหลย้อนกำเริบแล้ว ยังทำให้รู้สึกจุก เสียด แน่นท้อง ได้อีกด้วย เช่น ผลไม้ดอง, ผลไม้แช่อิ่ม, หน่อไม้ดอง, ปลาร้า เป็นต้น

4. ผลไม้ที่มีกรดสูง

เช่น ส้ม, สับปะรด, มะนาว, เสาวรส ฯลฯ รวมไปถึงน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว และ ซอสมะเขือเทศด้วย เพราะมีฤทธิ์เป็นกรด ทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้  

5. น้ำส้มสายชู

เป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร? ต้องจำไว้ให้ขึ้นใจเลยว่า ห้ามกินน้ำส้มสายชูเด็ดขาด เพราะมีส่วนเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้นไปอีก ใครที่ชอบปรุงก๋วยเตี๋ยว หรืออาหาร ด้วยน้ำส้มสายชู รวมไปถึงชอบทานอาหารรสจัด เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด เค็มจัด นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กรดไหลย้อน กินยาไม่หายสักทีก็เป็นได้

6. โซดา และ น้ำอัดลม

โซดา และ น้ำอัดลม มีส่วนทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ท้องอืด และ มีกรดไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหารได้ นอกจากจะเสี่ยงเป็นกรดไหลย้อนแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบอีกด้วย

7. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น เหล้า ไวน์ เบียร์ ค็อกเทล ล้วนมีส่วนไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารเปิดออก ทำให้กรดจากกระเพาะอาหาร ไหลย้อนกลับไปที่หลอดอาหาร ส่งผลอาการกรดไหลย้อนกำเริบขึ้นมาได้ง่ายนั่นเอง

8. ชา และ กาแฟ

เชื่อว่าหลายคนคงเคยสงสัยว่า เป็นกรดไหลย้อนกินกาแฟได้ไหม เพราะเป็นคนติดกาแฟมาก เราขอตอบว่า สามารถกินกาแฟได้ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ ก็จะดีกว่า เพราะในชาและกาแฟมีคาเฟอีน ที่จะไปกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อน แต่หากจำเป็นต้องกินกาแฟจริงๆ ก็แนะนำให้ทานแค่เฉพาะตอนเช้าจะดีกว่า และควรดื่มแค่วันละ 1 แก้วเท่านั้น

9. นม

เป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร? เป็นกรดไหลย้อนกินนมได้ไหม? สามารถดื่มได้ แต่ควรเป็นนมที่มีไขมันต่ำ เพราะไขมันที่อยู่ในนม มีส่วนกระตุ้นให้กรดไหลย้อนกำเริบได้เช่นกัน

10. หมากฝรั่ง
สำหรับใครที่ชอบเคี้ยวหมากฝรั่งบ่อยๆ นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่เป็นกรดไหลย้อน กินยาไม่หายสักที เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นการเพิ่มการหลั่งน้ำลาย และเราจำเป็นต้องกลืนน้ำลาย กลืนลมลงกระเพาะอาหารมากขึ้น ซึ่งนี่แหละคือสาเหตุของกรดไหลย้อนกำเริบขึ้นมาได้บ่อยๆ นั่นเอง

11. ช็อกโกแลต

เป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร? ถ้าตอบว่าห้ามกินช็อคโกแลต หลายคนต้องร้องกรี๊ดกันอย่างแน่นอน เพราะช็อกโกแลตมีทั้งคาเฟอีน ไขมัน โกโก้ ที่มีผลต่ออาการกรดไหลย้อนได้โดยตรง ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงได้ ก็หลีกเลี่ยงจะดีกว่า

12. ชานมไข่มุก

การใช้หลอดดูดมากๆ เช่น ชานมไข่มุก หรือการใช้หลอดดูดขนาดใหญ่ เกิดการนำพาลมเข้ากระเพาะเป็นจำนวนมาก ทำให้อาการจุกแน่น ลมตี ปวดหัว เสียดหน้าอก ฯลฯ เพิ่มมากขึ้นโดยตรงเกิดการนำพาลมเข้ากระเพาะเป็นจำนวนมาก ทำให้อาการจุกแน่น ลมตี ปวดหัว เสียดหน้าอก ฯลฯ เพิ่มมากขึ้นโดยตรง

ทราบแล้วว่าเป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร ต่อไปต้องรู้จักปรับพฤติกรรมอื่นๆ ด้วย

1. ควบคุมน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพราะการที่น้ำหนักตัวมาก เป็นโรคอ้วน จะส่งผลให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารตอนล่าง ปิดได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เกิดกรดไหลย้อน ได้ง่ายขึ้น
2. รับประทานอาหาร ในปริมาณที่พอดี เพื่อป้องกันการกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะที่มากเกินไป
3. ห้ามนอนทันที หลังรับประทานอาหาร ควรเว้นเวลาเข้านอนก่อนมื้ออาหาร ประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง
4. งดสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้กล้ามเนื้อหูรูด ที่กั้นระหว่างกระเพาะอาหาร และ หลอดอาหารอ่อนแอลง 
5. ไม่เครียด นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ
6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อสร้างร่างกายให้แข็งแรง ไม่ป่วยง่าย ลดความเสี่ยงต่อการเป็นกรดไหลย้อน
7. รับประทานเมนูเพื่อสุขภาพ ที่มีส่วนประกอบเป็นสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน เช่น ข้าวอบธัญพืช, เต้าหู้ผัดขิง, กุ้งผัดใบโหระพา เป็นต้น
8. รับประทานยารักษากรดไหลย้อน เช่น ยาเคลือบกระเพาะอาหาร ยาลดกรด แต่ก็ไม่ใช่วิธีรักษากรดไหลย้อนได้อย่างหายขาด เพียงแค่บรรเทา หรือรักษาได้ชั่วคราวเท่านั้น
9. รับประทานยาสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน เพื่อรักษา บำรุงร่างกาย และป้องกันไว้ก่อนได้
10. เปลี่ยนอิริยาบทบ่อยๆ อย่านั่งอยู่เฉยๆ นานๆ เพราะส่งผลให้ลมตีขึ้น จุกแน่น เสียด และ อาการอื่นๆ ที่ เกิดจากลมดัน เป็นมากขึ้น

เมื่อเราทราบไปแล้วว่าเป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไร อีกสิ่งหนึ่งที่ควรรู้คือ วิธีรักษากรดไหลย้อน ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อไม่ให้กรดไหลย้อนกำเริบขึ้นมาได้ง่ายๆ นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น

1. ควบคุมน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพราะการที่น้ำหนักตัวมาก เป็นโรคอ้วน จะส่งผลให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารตอนล่าง ปิดได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เกิดกรดไหลย้อน ได้ง่ายขึ้น

2. รับประทานอาหาร ในปริมาณที่พอดี เพื่อป้องกันการกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะที่มากเกินไป

3. ห้ามนอนทันที หลังรับประทานอาหาร ควรเว้นเวลาเข้านอนก่อนมื้ออาหาร ประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง

4. งดสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้กล้ามเนื้อหูรูด ที่กั้นระหว่างกระเพาะอาหาร และ หลอดอาหารอ่อนแอลง

5. ไม่เครียด นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ

6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อสร้างร่างกายให้แข็งแรง ไม่ป่วยง่าย ลดความเสี่ยงต่อการเป็นกรดไหลย้อน

7. รับประทานเมนูเพื่อสุขภาพ ที่มีส่วนประกอบเป็นสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน เช่น ข้าวอบธัญพืช, เต้าหู้ผัดขิง, กุ้งผัดใบโหระพา เป็นต้น

8. รับประทานยารักษากรดไหลย้อน เช่น ยาเคลือบกระเพาะอาหาร ยาลดกรด แต่ก็ไม่ใช่วิธีรักษากรดไหลย้อนได้อย่างหายขาด เพียงแค่บรรเทา หรือรักษาได้ชั่วคราวเท่านั้น

9. รับประทานยาสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน เพื่อรักษา บำรุงร่างกาย และป้องกันไว้ก่อนได้

10. เปลี่ยนอิริยาบทบ่อยๆ อย่านั่งอยู่เฉยๆ นานๆ เพราะส่งผลให้ลมตีขึ้น จุกแน่น เสียด และ อาการอื่นๆ ที่ เกิดจากลมดัน เป็นมากขึ้น

ยาสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน เลือกแบบไหน ดีกับร่างกายตัวเอง

ยาสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน เลือกแบบไหน ดีกับร่างกายตัวเอง
1. เลือกยาสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน ที่สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ 100% เช่น ขมิ้นชันสกัด, มะขามป้อมสกัด, สมอไทย, สมอเทศ, สมอภิเภก, สมอดีงู, สมอทะเล, เจ็ตมูลเพลิงสกัด, ไพลสกัด, ดีปลีสกัด, โป๊ยกักสกัด เป็นต้น เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเคมีตกค้างในร่างกาย 
2. เลือกยาสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน ที่มีงานวิจัยรองรับ ว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาอาการแสบกลางอก อาการกรดไหลย้อนได้จริง
3. โรงงานผลิตได้มาตรฐาน GMP 
4. ผ่านการรองรับจาก อย.

วิธีรักษากรดไหลย้อน ด้วยยาสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน เป็นวิธีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากกรดไหลย้อน ไม่ใช่โรคที่อันตรายแต่อย่างใด หากได้รับการดูแลตัวเองมาตั้งแต่ต้น และไม่จำเป็นต้องทานยาแพทย์แผนปัจจุบัน แล้วเสี่ยงต่อสารเคมีตกค้างในร่ายกาย เสี่ยงต่อการเป็นกรดไหลย้อน กินยาไม่หาย เพราะร่างกายดื้อยาอีกด้วย โดยการเลือกยาสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน ที่ดีต่อสุขภาพ ของเราเอง มีเทคนิคการเลือกดังนี้

1. เลือกยาสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน ที่สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ 100% เช่น ขมิ้นชันสกัด, มะขามป้อมสกัด, สมอไทย, สมอเทศ, สมอภิเภก, สมอดีงู, สมอทะเล, เจ็ตมูลเพลิงสกัด, ไพลสกัด, ดีปลีสกัด, โป๊ยกักสกัด เป็นต้น เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเคมีตกค้างในร่างกาย

2. เลือกยาสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน ที่มีงานวิจัยรองรับ ว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาอาการแสบกลางอก อาการกรดไหลย้อนได้จริง

3. โรงงานผลิตได้มาตรฐาน GMP

4. ผ่านการรองรับจาก อย.

โดยยาสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน ที่ตอบโจทย์ทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นได้ และได้รับความไว้วางใจ จากผู้ที่ทานจริง มาอย่างยาวนานมากกว่า 30 ปี นั่นก็คือ ยาจตุรธาตุ และ ยาวาโยพินาศ จากศูนย์แพทย์แผนไทยหมออรรถวุฒิ

ยาจตุรธาตุ

ใครที่เป็นกรดไหลย้อน กินยาไม่หาย เราขอแนะนำ ยาจตุรธาตุ ลิขสิทธิ์เฉพาะศูนย์แพทย์แผนไทยหมออรรถวุฒิ ที่สกัดจากสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน 100% เป็นยารักษากรดไหลย้อนโดยตรง อีกทั้งช่วยแก้ปัญหาแสบกลางอก ขับลม แก้จุกแน่น ช่วยย่อย ปรับสมดุลขับถ่าย แก้กระเพาะ ลำไส้อักเสบ ช่วยทำให้ระบบทางเดินอาหารดีขึ้น ปิดหูรูดหลอดอาหารเป็นปกติ  โดยยาจตุรธาตุ สกัดจากสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน มากกว่า 26 ชนิด เช่น

  • สารสกัดจากสมอทั้ง 5 ได้แก่ สมอไทย สมอเทศ สมอภิเภก สมอดีงู สมอทะเล
  • มะตูมอ่อนสกัด
  • ขมิ้นชันสกัด
  • มะขามป้อมสกัด
  • สารสกัดมะเขือพวง
  • สะค้าน ชะพลูสกัด เป็นต้น

ซึ่งสารสกัดทั้งหมดนี้ มีส่วนรักษาลงลึก ละเอียด ทำให้หายระยะยาว แตกต่างจากยาเคมีทั่วไป และไม่ก่อให้เกิดสารเคมีตกค้างในร่างกายด้วย

ยาวาโยพินาศ  

การที่เป็นกรดไหลย้อน กินยาไม่หาย ส่วนหนึ่งอาจเพราะมีลมในร่างกายเยอะ ซึ่งยาวาโยพินาศ ลิขสิทธิ์เฉพาะศูนย์แพทย์แผนไทยหมออรรถวุฒิ มีส่วนช่วยในการขับลม ไล่ลม แบบลงลึก รักษาอาการต่างๆ อันมีส่วนทำให้เกิดกรดไหลย้อน ให้ดีขึ้น เช่น

  • ฟื้นฟูหูรูด หลอดอาหาร
  • แก้ไขปัญหาลมตีขึ้นเบื้องสูง จุกแน่น ลมพันลำไส้
  • ช่วยให้หายใจได้อิ่มขึ้น
  • ช่วยให้หลับสบาย

โดยยาวาโยพินาศ สกัดจากสมุนไพรแก้กรดไหลย้อน 100% มากกว่า 39 ชนิด เช่น

  • เจ็ตมูลเพลิงสกัด
  • ไพลสกัด
  • ดีปลีสกัด
  • โป๊ยกักสกัด
  • กระเพราแดงสกัด
  • อบเชยเทศสกัด ฯลฯ

โดยเราแนะนำให้รับประทานยาทั้ง 2 ตัวคู่กัน เพื่อกลไกการรักษาอย่างลงลึก ให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันและรักษาอาการกรดไหลย้อน แสบกลางอก ได้สูงสุด อีกทั้งยังช่วยบำรุงระบบภายในอื่นๆ อีกด้วย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่


แชร์ได้เลยค่ะ

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top