คุณรู้หรือไม่? การรักษาเบาหวาน ให้เห็นผล โดยหลักแล้ว ต้องคอยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และคอเลสเตอรอล ให้อยู่เกณฑ์ปกติ ด้วยการระมัดระวังการกิน และ การใช้ชีวิต เพราะต่อให้กินยารักษาเบาหวาน มากแค่ไหน แต่ถ้าไม่คุมเบาหวาน ไม่คุมอาหาร ยังใช้ชีวิตนอนดึก ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย กินอาหารรสจัดแล้วล่ะก็ คุณไม่มีวันรักษาเบาหวานได้อย่างสำเร็จ นอกจากนี้คุณยังจำเป็น ต้องทำความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคเบาหวาน และ การรักษาให้ลึกซึ้งด้วย เพราะยังมีหลายคน เข้าใจเรื่องเบาหวานแบบผิด ๆ เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาเบาหวานให้สำเร็จนั่นเอง
4 วิธีตรวจน้ำตาลในเลือด ก่อนรักษาเบาหวาน
หากคุณไม่เคยตรวจสุขภาพประจำปี แต่เริ่มรู้สึกว่าตัวเอง มีอาการคล้ายคนเป็นเบาหวาน เราแนะนำให้ให้รีบไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจน้ำตาลในเลือด ว่ามีน้ำตาลในเลือดสูงหรือไม่ เสี่ยงเป็นเบาหวานหรือไม่ หากเป็นจะได้รีบรักษาเบาหวานโดยเร็วที่สุด ซึ่งแพทย์จะใช้เทคนิคการตรวจเบาหวาน ดังนี้
1. ตรวจเบาหวาน ด้วยการวัดระดับน้ำตาลในเลือด หลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง ซึ่งแพทย์จะทำการเจาะเลือด โดยมีเกณฑ์วัดระดับน้ำตาลในเลือด ดังนี้
- ระดับน้ำตาลในเลือด อยู่ระหว่าง 70 – 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แสดงว่า ไม่เป็นเบาหวาน
- ระดับน้ำตาลในเลือด อยู่ระหว่าง 100 – 125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แสดงว่า เสี่ยงต่ออาการเบาหวาน แต่ยังไม่เป็นเบาหวาน
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แสดงว่า เป็นเบาหวาน
2. ตรวจเบาหวาน ด้วยการวัดระดับน้ำตาลในเลือด โดยไม่ต้องอดอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเบาหวาน อย่างชัดเจน หากตรวจแล้วมี ระดับน้ำตาลในเลือด ตั้งแต่ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ขึ้นไป แสดงว่า เป็นโรคเบาหวาน
3. ตรวจการตอบสนองของอินซูลิน ต่อระดับน้ำตาลในเลือด โดยแพทย์จะให้ดื่มน้ำ ที่ผสมน้ำตาลกลูโคสละลาย 75 กรัม แล้วทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด 2 ชั่วโมงหลังการดื่มน้ำ ซึ่งวิธีนี้ใช้ตรวจเบาหวานกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ด้วย โดยมีเกณฑ์การวัดดังนี้
- ระดับน้ำตาลในเลือด น้อยกว่า 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แสดงว่า ไม่เป็นเบาหวาน
- ระดับน้ำตาลในเลือด อยู่ระหว่าง 140 – 199 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แสดงว่า เสี่ยงต่ออาการเบาหวาน แต่ยังไม่เป็นเบาหวาน
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือ เทียบเท่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แสดงว่า เป็นเบาหวาน
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ตั้งแต่ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ขึ้นไป แสดงว่า เป็นโรคเบาหวาน
4. ตรวจน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ในเลือดฮีโมโกลบิน (HbA1c) เป็นการตรวจเลือด เพื่อดูระดับน้ำตาลในเลือด ในช่วง 6 – 12 สัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าร่างกายสามารถคุมระดับน้ำตาล ได้ดีอยู่หรือไม่ ทั้งนี้ไม่ต้องอดอาหารก่อนตรวจ โดยมีเกณฑ์วัดดังนี้
- ระดับน้ำตาลในเลือด น้อยกว่า 5.7% แสดงว่า ไม่เป็นเบาหวาน
- ระดับน้ำตาลในเลือด อยู่ระหว่าง 5.7 – 6.4% แสดงว่า เสี่ยงต่ออาการเบาหวาน แต่ยังไม่เป็นเบาหวาน
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือ เทียบเท่า 6.5% แสดงว่า เป็นเบาหวาน
รักษาเบาหวาน แบบไหน เหมาะกับตัวเองมากที่สุด
เมื่อตรวจเบาหวาน แล้วพบว่าตัวเองมีอาการเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูงแล้ว นอกจากการคุมเบาหวาน ด้วยการเลือกกินอาหาร ที่เหมาะกับผู้เป็นเบาหวานแล้ว การรักษาเบาหวาน ยังสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละคน ว่าต้องการรักษาแบบไหน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- รักษาเบาหวาน ด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน
1. รักษาเบาหวาน ด้วยการฉีดอินซูลิน เป็นการเพิ่มอินซูลินให้กับเลือดโดยตรง เหมาะกับการรักษาเบาหวานชนิดที่ 1 เพราะตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้แล้ว ซึ่งต้องฉีดหลายครั้งในหนึ่งวัน และ เหมาะกับผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ที่หากกินยาแล้วไม่ดีขึ้น ก็อาจต้องฉีดอินซูลินเพิ่ม ซึ่งพบได้ประมาณ 40% ของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2
2. รักษาเบาหวาน ด้วยการกินยา ซึ่งมีหลายตัวยาด้วยกัน ขึ้นอยู่กับระดับน้ำตาลในเลือด และ ความรุนแรงของโรค เช่น ยาเมทฟอร์มิน (Metformin) ไบกัวไนด์ (Biguanide) ยาในกลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylureas) เป็นต้น
- รักษาเบาหวาน ด้วยแพทย์แผนไทย
1. รักษาเบาหวาน ด้วยการกินยาสมุนไพร รักษา เบาหวาน เหมาะกับผู้ที่เป็นเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง ที่ต้องการรักษาเบาหวานแบบธรรมชาติ เพราะไม่อยากเสี่ยงกับสารเคมีตกค้างในร่างกาย ไม่ต้องเสี่ยงกับการดื้อยา หลังหยุดกินยาแผนปัจจุบัน
อีกทั้งยาสมุนไพร สามารถรักษาได้ลึกถึงต้นตอของโรค เป็นการปรับปรุงระบบภายในร่างกาย อย่างลึก ละเอียดอ่อน หากยาสมุนไพร รักษา เบาหวาน ยี่ห้อไหน ที่สกัดจากสมุนไพร ลด เบาหวาน หลากหลายชนิด ยิ่งมีส่วนช่วยปรับปรุง ซ่อมแซมเซลล์ทั้งหมด เพราะสามารถรักษาเบาหวานได้จริง รวมไปถึงรักษาโรคอื่น ๆ ได้ด้วย นอกจากนี้ยังราคาไม่สูง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถกินควบคู่กับยาแผนปัจจุบันได้เช่นกัน โดยยาสมุนไพรจะเข้าไปทำหน้าที่ส่งเสริมฤทธิ์การรักษา แก้ผลข้างเคียงของยาแผนปัจจุบัน หากไม่เป็นโรคก็สามารถกินได้ เพราะสกัดจากสมุนไพร ที่ช่วยบำรุงร่างกาย และ ป้องกัน ไปในตัว
- รักษาเบาหวาน ด้วยแพทย์แผนจีน
1. รักษาเบาหวาน ด้วยการกินยาตำรับจีน ตามกลุ่มอาการ โดยหลักการรักษาศาสตร์แพทย์แผนจีนนั้น แบ่งอาการเบาหวาน ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- เบาหวานส่วนบน (ซ่างเซียว) เป็นอาการปอดร้อน ขาดสารน้ำ ทำให้กระหายน้ำมาก
- เบาหวานส่วนกลาง (จงเจียว) เป็นอาการของกระเพาะ และ ม้าม ที่ทำให้รู้สึกหิวบ่อย
- เบาหวานส่วนล่าง (เซี่ยเซียว) เป็นอาการของไต ที่ทำให้ปัสสาวะบ่อย
2. รักษาเบาหวาน ด้วยการฝังเข็ม เป็นการรักษาเบาหวาน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับปอด กระเพาะอาหาร และ ไต โดยเฉพาะ
5 เรื่องเข้าใจผิด เกี่ยวกับอาการเบาหวาน
เชื่อว่าหลายคน ยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง แบบผิดๆ หลายอย่าง บ้างก็เคยได้ยินมาว่า เบาหวานเกิดจากกินรสหวาน หรือ คนเป็นเบาหวาน จะมีลักษณะอ้วนมาก ฯลฯ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้คือเรื่องจริงไหม เรามีคำตอบมาเฉลยให้ทุกคนได้ทราบกัน จะได้รู้เท่าทัน และ รักษาเบาหวาน ให้ถูกวิธี
1. เบาหวานเป็นโรคของคนแก่
หลายคนมีความเข้าใจว่า เบาหวานเป็นโรคของคนแก่ อายุเยอะเท่านั้น ซึ่งบอกเลยว่า เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะเบาหวาน เป็นโรคใกล้ตัวของทุกคน สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย เพราะเบาหวาน แบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่
- เบาหวานชนิดที่ 1 เป็นอาการเบาหวาน ที่เกิดจากเซลล์ตับอ่อนถูกทำลาย ทำให้ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ มักพบในเด็ก หรือ คนอายุน้อย
- เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นอาการเบาหวาน ด้วยสาเหตุร่างกายขาดอินซูลิน หรือ ดื้ออินซูลิน ที่อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ คนอ้วน ไม่ชอบออกกำลังกาย
- เบาหวานเกิดจากการตั้งครรภ์ ที่มักเกิดกับคนท้อง ในช่วงไตรมาสที่ 2 – 3 ของการตั้งครรภ์
- เบาหวานสาเหตุจำเพาะ ที่อาจเกิดจากการเป็นโรคของตับอ่อน เกิดจากการกินยาคุม เป็นต้น
ดังนั้นเป็นอันเข้าใจตรงกันแล้วนะว่า “เบาหวาน ไม่ใช่โรคของคนแก่ เพียงอย่างเดียว”
2. คนอ้วนเท่านั้น ถึงเป็นเบาหวานได้
หากคุณยังมีความเข้าใจว่า คนอ้วนเท่านั้น ถึงจะเป็นเบาหวานได้ เราขอให้ทำความเข้าใจใหม่ “เพราะคนผอม ก็เป็นเบาหวานได้เช่นกัน” เนื่องจากโรคเบาหวาน เกิดได้หลายสาเหตุ เช่น ชอบกินอาหารรสหวาน อาหารไขมันสูง ของหมักดอง ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ออกกำลังกาย พักผ่อนน้อย เครียด หรือ เกิดจากกรรมพันธุ์ เป็นต้น
3. เป็นเบาหวาน เพราะชอบกินรสหวาน
อย่างที่บอกไปว่า เบาหวานเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ โดยสาเหตุหลัก มีอยู่ 3 สาเหตุ คือ พฤติกรรมการกิน กรรมพันธุ์ และ คนท้อง แต่ที่พบบ่อย ก็มาจากพฤติกรรมการกิน แต่ไม่ใช่แค่กินรสหวานเท่านั้น ถึงเป็นเบาหวานได้ “เพราะการกินรสจัด ของหมักดอง อาหารที่มีไขมันสูง อาหารแปรรูป เนื้อแดงที่มีไขมันมาก แป้งขัดขาว ดื่มแอลกอฮอล์ ก็เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดโรคเบาหวานได้” เนื่องจากอาหารเหล่านี้ ล้วนเป็นไขมันอิ่มตัว ที่ไปยับยั้งอินซูลิน ให้ออกฤทธิ์น้อยลง การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงไม่ดีเท่าที่ควร ก่อให้เกิดน้ำตาลในเลือดสูง กลายเป็นโรคเบาหวานได้ในที่สุด
4. น้ำตาลจากผลไม้ปลอดภัย คนเป็นเบาหวานกินได้
เมื่อเป็นเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง หลายคนที่ติดรสหวาน เลยหันไปกินผลไม้ เพื่อรับน้ำตาลจากผลไม้แทน ด้วยความเชื่อที่ว่า น้ำตาลจากผลไม้ เป็นน้ำตาลที่ปลอดภัย เป็นรสหวานจากธรรมชาติ แต่ความเป็นจริงนั้น “ผลไม้ ไม่ได้เป็นมิตร กับคนเป็นเบาหวานเสมอไป” เนื่องจากในผลไม้มีน้ำตาลฟรุกโตส เมื่อกินเข้าไปแล้วจะแปรเปลี่ยนสภาพ เป็นน้ำตาลกลูโคส ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ ดังนั้นจึงมีการแบ่งโซนผลไม้ ที่ห้ามกิน กินได้ และกินได้แต่ต้องควบคุมปริมาณ ดังนี้
- ผลไม้โซนสีแดง มีน้ำตาลสูงมาก เป็นเบาหวานห้ามกิน เช่น ทุเรียน ขนุน น้อยหน่า มะม่วงสุก ลำไย ละมุด แตงโม เป็นต้น
- ผลไม้โซนสีเหลือง มีน้ำตาลสูง แต่กินได้ โดยต้องจำกัดปริมาณ เช่น ส้ม ชมพู่ กล้วย สับปะรด เป็นต้น
- ผลไม้โซนสีเขียว ไม่หวานมาก ไฟเบอร์สูง กินได้ เช่น แอปเปิ้ลเขียว แก้วมังกร ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เป็นต้น
5. รักษาเบาหวานให้หายขาดได้
รักษาเบาหวานให้หายขาดได้ ความเชื่อนี้ เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะความจริงแล้ว “อาการเบาหวาน เป็นอาการเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้” แต่เราสามารถคุมเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือด ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยไม่รบกวนชีวิตประจำวันของเรา หรือ ไม่ให้อาการเบาหวานกำเริบออกมาได้ ซึ่งหากคุมได้ ในทางการแพทย์จะเรียกว่า “ระยะเบาหวานสงบ” ซึ่งจะเป็นเดือน เป็นปี หรือ หลายสิบปี ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่หากเมื่อไหร่ที่ละเลยการดูแลตัวเอง เมื่อนั้นอาการเบาหวานต่าง ๆ ก็จะกลับมาเยือนร่างกายคุณอีกทันที
พิชิตเบาหวานได้ ด้วยยาสมุนไพร รักษา เบาหวาน
สิ่งสำคัญของการรักษาเบาหวาน คือ การลดระดับน้ำตาลในเลือด ให้กลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้นนอกจากการกินยาตามแพทย์สั่งแล้ว คุณรู้หรือไม่? ว่าเราสามารถพิชิตเบาหวานได้ ด้วยสมุนไพร ลด เบาหวาน เนื่องจากสมุนไพรไทย หลากหลายชนิด มีประสิทธิภาพในการลดน้ำตาลในเลือดได้จริง หลายคนจึงมักจะนำสมุนไพรไทย ไปประกอบอาหาร เปรียบเสมือนการรักษาเบาหวานแบบธรรมชาติ กินอาหารให้เป็นยานั่นเอง
แต่ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ ทำให้ปัจจุบันนี้ มียาสมุนไพร รักษา เบาหวาน เป็นทางเลือกในการรักษาเบาหวานแบบธรรมชาติ เราไม่ต้องเสียเวลา กับการหาสมุนไพร ลด เบาหวาน แต่ละชนิดมาทานเองแล้ว เพราะไม่รู้ว่าต้องทานมากแค่ไหน ถึงจะพอดีกับการรักษาเบาหวาน ที่สำคัญเราไม่แนะนำให้หาสมุนไพร ลด เบาหวาน มาต้ม หรือ สกัดเป็นยารักษาเบาหวานเอง เพราะหากขาดความรู้ ปรุงผิดสูตร อาจเกิดโทษมากกว่าการรักษาได้ ดังนั้น ยาสมุนไพร รักษา เบาหวาน ที่ปรุงในสูตรตำรับลงตัว จากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการรักษาเบาหวาน
อย่าง “ตรีผลา FORTE” ศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ ยาสมุนไพร รักษา เบาหวาน ที่เป็นยาตำรับสมุนไพร สกัดบริสุทธิ์ ได้รับการรับรอง ผ่านการตรวจวิเคราะห์ความบริสุทธิ์ และ ปลอดภัยจาก อย. ถึงประสิทธิภาพในการรักษาเบาหวาน จนมีผู้ซื้อซ้ำ และ บอกต่อมากที่สุด ยาวนานกว่า 30 ปี สกัดมาจากสมุนไพร ลด เบาหวาน มากถึง 22 ชนิด เช่น
- สารสกัดสมอทั้ง 5 ได้แก่ สมอไทย สมอภิเภก สมอเทศ สมอดีงู สมอทะเล
- สารสกัดดอกคำฝอย
- สารสกัดดีปลี
- สารสกัดขิงแห้ง
- สารสกัดเจตมูลเพลิง
- สารสกัดกระวานเทศ
- สารสกัดเถาวัลย์เปรียง
นอกจากรักษาเบาหวานได้โดยตรงแล้ว ยังพ่วงคุณประโยชน์ เพื่อสุขภาพโดยรวมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- ฟื้นฟู บำรุงตับอ่อน ให้หลั่งอินซูลินได้ปกติ
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน
- ลดคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ล้างไขมันเกาะตับ ไขมันในเลือด ป้องกันไขมันอุดตันเส้นเลือด
- ล้างเมือกมัน ตะกรันในลำไส้ ล้างพิษตับ ล้างน้ำเหลืองเสีย
- ปรับสมดุลขับถ่าย สมดุลความดัน
- แผลเบาหวานหายเร็วขึ้น
- ป้องกันเบาหวานขึ้นตา เบาหวานลงไต
- ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย ไม่ให้เกิดไขมัน น้ำตาลสะสม หรือ เป็นโรคอ้วน
- เพิ่มการไหลเวียนโลหิต บำรุงปลายประสาท แก้อาการชาปลายมือ และ เท้า
หากผู้ที่เป็นเบาหวานท่านใด จำเป็นต้องกินยาแผนปัจจุบัน ยาตรีผลา FORTE ยาสมุนไพร รักษา เบาหวาน สามารถกินควบคู่ไปกับยาแผนปัจจุบันได้เลย อีกทั้งช่วยแก้ผลข้างเคียงของยาแผนปัจจุบันได้ดี ตับไต ไม่เสื่อมเร็ว เพราะสารเคมีจากยาแผนปัจจุบัน สามารถ ไปตรวจซ้ำทุกๆ 2 เดือน ค่าแลปดีขึ้น ค่อย ๆ ลดยาเคมีลงเรื่อย ๆ จนดีได้เองในที่สุด หรือ ผู้ป่วยเบาหวานท่านใด ยังไม่ได้เริ่มยาเคมี จะกิน ยาตรีผลา FORTE แล้วไม่กินยาเคมีก็ได้ เพราะนอกจากรักษาเบาหวานได้แล้ว ยังไม่ต้องเสี่ยงกับสารเคมีตกค้างในร่างกายด้วย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
หากมีข้อสงสัยใด ๆ เพิ่มเติม สามารถคอมเม้นต์สอบถามได้ เรามีเภสัชกร และ ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพ