จะเป็นอย่างไร ถ้าไม่ลดไขมันพอกตับ

จะเป็นอย่างไร ถ้าไม่ลดไขมันพอกตับ

แชร์ได้เลยค่ะ

ไขมันพอกตับ เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการเจ็บป่วยออกมาอย่างชัดเจน มีเพียงอาการอ่อนเพลีย ปัสสาวะสีเข้ม ท้องอืดบ่อย แบบทั่วไป กว่าเราจะรู้ตัวว่า มีภาวะไขมันพอกตับ ก็อาจลุกลาม ไปเป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคตับอักเสบ โรคตับแข็ง ดังนั้นการหันมาดูแลสุขภาพตับ และ ลดไขมันพอกตับ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม สามารถทำได้ทันที โดยที่ไม่ต้องรอให้ป่วยก่อน แถมการลดไขมันพอกตับ ยังช่วยทำให้ตับของเรา กลับมาทำหน้าที่กำจัดสารตกค้างในร่างกาย ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สุขภาพแข็งแรง ไม่อ่อนเพลียง่าย ลดโอกาสการเกิดโรคร้ายแรง แถมยังช่วยยืดอายุการทำงานตับ ออกไปได้อีกด้วย 

ลดไขมันพอกตับ ช่วยให้ตับทำงานได้ดี  ไม่เสี่ยงตับแข็ง

ลดไขมันพอกตับ ยิ่งเร็ว ยิ่งหายง่าย

ระยะไขมันพอกตับมี 4 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 2  ภาวะตับอักเสบ ต้องเร่งรักษาไขมันพอกตับ 
ระยะที่ 3 ตับอักเสบเรื้อรัง มีพังผืดแทรก ซึมในเนื้อตับ 
ระยะที่ 4 ตับถูกทำลาย นำไปสู่โรคตับแข็ง และ มะเร็งตับ

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ไขมันพอกตับ เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการ และ มีระยะเวลาการดำเนินโรคที่ช้ามาก บางคนเป็นไขมันพอกตับมาเกิน 10 ปี ถึงจะรู้ตัว ดังนั้นหากต้องการรู้ว่า ตัวเองมีความเสี่ยงที่ต้องลดไขมันพอกตับหรือไม่ ต้องใช้วิธีตรวจทางการแพทย์เท่านั้น โดยผลการตรวจอาการไขมันพอกตับ จะสามารถแบ่ง ออกได้เป็น 4 ระยะ หลัก ๆ ดังนี้ 

  • ระยะที่ 1 : เป็นระยะแรกเริ่ม มีไขมันเกาะตับ 5 – 10% ของน้ำหนักตับ แต่ยังไม่เป็นตับอักเสบ หรือ ไม่มีผังผืดเกิดขึ้นที่ตับ
  • ระยะที่ 2 : หากไม่เริ่มรักษาไขมันพอกตับ หรือ ลดไขมันพอกตับ อาการอักเสบก็จะร้ายแรงมากขึ้น กลายเป็นตับอักเสบเรื้อรังได้
  • ระยะที่ 3 : เป็นผลสืบเนื่อง มาจากระยะที่ 2 ที่เราละเลย ไม่ลดไขมันพอกตับ และ ไม่รักษาไขมันพอกตับ เกินกว่า 6  เดือน ทำให้การอักเสบรุนแรง และ เริ่มมีพังผืดแทรกซึมอยู่ในเนื้อตับ ทำให้เนื้อตับค่อย ๆ เสื่อมลง แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นตับแข็ง 
  • ระยะที่ 4 : ระยะร้ายแรงที่สุด มีพังผืดแทรกอยู่ในเนื้อตับ จนเนื้อดีของตับ ถูกทำลาย และไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป บางคนอาการร้ายแรงถึงขั้นเข้าสู่ภาวะตับแข็ง หรือ เป็นมะเร็งตับ 

จะเห็นได้ว่า จากจุดเริ่มต้นเพียงเล็ก ๆ ของไขมันพอกตับ สามารถลุกลามไปสู่โรคอันตราย อย่างไม่ทันตั้งตัวได้ ดังนั้น การลดไขมันพอกตับ และ รักษาอาการไขมันพอกตับ เสียแต่เนิ่น ๆ ก็จะยิ่งช่วยให้ตับของเรา แข็งแรง ปลอดภัย อยู่ห่างไกลจากโรคร้ายได้อีกด้วย

จะทราบได้อย่างไร ว่าต้องลดไขมันพอกตับ

จะทราบได้อย่างไร ว่าต้องลดไขมันพอกตับ
ตรวจระดับไขมันในเลือด  
ตรวจระดับน้ำตาลสะสมในเลือด
ตรวจเลือด 
ตรวจไวรัสตับอักเสบ
อัลตราซาวนด์ เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ ทำ MRI 
เจาะเนื้อเยื่อ

ในการแพทย์แผนปัจจุบัน เรามีวิธีตรวจหาอาการไขมันพอกตับอยู่หลายวิธี สามารถบ่งบอกผล และ อาการไขมันพอกตับได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้เราสามารถ ดำเนินการลดไขมันพอกตับ และ รักษาไขมันพอกตับ ได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น

  1. ตรวจระดับไขมันในเลือด เพื่อดูค่าคอเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์  
  2. ตรวจระดับน้ำตาลสะสมในเลือด
  3. ตรวจเลือด 
  4. ตรวจไวรัสตับอักเสบ
  5. อัลตราซาวนด์ (Ultrasound) เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือ เอ็กซเรย์ด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก (MRI) เพื่อตรวจความผิดปกติของตับ ด้วยการ
  6. เจาะเนื้อเยื่อ ฯลฯ

จะเป็นอย่างไร ถ้าไม่ลดไขมันพอกตับ 

จะเป็นอย่างไร ถ้าไม่ลดไขมันพอกตับ 
มะเร็งตับ 
ตับแข็ง 
ตับอักเสบเรื้อรัง 
ตับวายเฉียบพลัน

แม้ว่าภาวะไขมันพอกตับ จะไม่แสดงอาการ และ มีระยะเวลาในดำเนินโรคช้า แต่หากเราละเลย ไม่ยอมลดไขมันพอกตับ เสียแต่เนิ่น ๆ อาการไขมันพอกตับ ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคร้าย ที่รักษาได้ยาก และ อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้  โรคที่ร้ายแรง ที่เกิดจากการไม่ยอมลดไขมันพอกตับ เช่น

1. โรคตับแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ชื่นชอบการดื่มน้ำหวาน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีน้ำตาล ที่ร่างกาย สามารถแปลงเปลี่ยน เป็นไขมันได้ หากเราดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มากเกินไป จนร่างกายไม่สามารถ เผาผลาญได้หมด ก็จะทำให้ไขมันพวกนี้ ไปค้างสะสมอยู่ที่ตับ จนกลายเป็นโรคตับแข็งในที่สุด  

2. โรคตับอักเสบเรื้อรัง เป็นสิ่งที่เกิดจากการเป็นไขมันพอกตับโดยตรง ตับไม่สามารถกรองของเสียออกจากร่างกายได้ มาพร้อมกับการเจ็บป่วยทางร่างกาย เช่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียตลอดเวลา ปวดตามข้อต่าง ๆ เป็นต้น 

3. โรคมะเร็งตับ เป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจากการ ไม่ลดไขมันพอกตับ และ อาการตับแข็งที่เรื้อรังมา จนทำให้เนื้อตับกลายเป็นเนื้อร้าย ไม่สามารถกรองของเสียได้อีกต่อไป มีวิธีการรักษาตั้งแต่ระดับการให้คีโม การฉายแสง ฯลฯ ล้วนแต่มีค่าใช้จ่ายสูงทั้งสิ้น

4. โรคตับวายเฉียบพลัน คือภาวะที่ตับหยุดทำงานแบบฉับพลัน ส่งผลให้ของเสียคั่งค้างอยู่ในร่างกาย ทำให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อน จนอวัยวะอื่น ๆ อักเสบ และ ติดเชื้อได้ง่าย  

โรคทั้ง 4 ที่กล่าวมานี้ ล้วนเป็นโรคอันตรายที่สามารถทำให้ร่างกายทรุดหนัก และ เสียชีวิตลงได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการหันมาดูแล และ ใส่ใจต่อการลดไขมันพอกตับ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรละเลยจริง ๆ

ลด เลี่ยง เลิก อาหารเหล่านี้ ช่วยลดไขมันพอกตับได้ 

ลด เลี่ยง เลิก อาหารเหล่านี้ ช่วยลดไขมันพอกตับได้ 
อาหารไขมันสูง 
ข้าวและแป้งขัดสี 
ผลไม้น้ำตาลสูง 
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เรียนรู้อันตราย ของอาการไขมันพอกตับ และ ผลของการไม่รักษาไขมันพอกตับ กันไปพอสมควรแล้ว ทีนี้เรามาดูวิธีการลดไขมันพอกตับกันบ้างดีกว่า โดยเริ่มจากขั้นตอนง่าย ๆ อย่างการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร ก็สามารถช่วยให้เราลดไขมันพอกตับ และ รักษาไขมันพอกตับ ได้เช่นเดียวกัน โดยเมนูอาหารลดไขมันพอกตับ และ เมนูที่ควรหลีกเลี่ยง มีดังนี้  

1. ละ ลด เลี่ยงอาหารไขมันสูง เช่น ชีส  เนย  นม กะทิ และ เนื้อสัตว์ติดมันต่างๆ เพราะ ไขมันในอาหารเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ เป็นไขมันเลว หรือ ไตรกลีเซอร์ไรด์  ที่ร่างกายกำจัดได้ยาก อีกทั้งไตรกลีเซอร์ไรด์ยังสามารถสะสมจนก่อตัว เป็นไขมันพอกตับได้ แนะนำให้ลองเปลี่ยน มารับประทาน เนื้อปลา สันนอกหมู  เนื้ออกไก่ และ นมพร่องมันเนย เป็นเมนูอาหารลดไขมันพอกตับ แทนเพื่อลด การสะสมไขมัน ในบริเวณตับของเรา 

2. ข้าว และ แป้งขัดสี เพราะคาร์โบไฮเดรตจากข้าว และ แป้ง ที่ผ่านกรรมวิธีการขัดสีแล้วนั้น ร่างกายจะสามารถ ดูดซึมได้ง่าย หากเรากินข้าว หรือ แป้งขัดสี ในปริมาณที่มากเกินกว่ากิจวัตรที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คาร์โบไฮเดรตเหล่านี้ ก็จะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม ทำให้เกิดอาการไขมันพอกตับได้ แนะนำให้ลองเปลี่ยน มาทานข้าวกล้อง หรือ แป้งไม่ขัดสี เช่น ขนมปังโฮวีต ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ธัญพืช ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ เพื่อช่วยลด การดูดซึมของร่างกาย เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารลดไขมันพอกตับ ที่น่าสนใจ และ ไม่ควรมองข้าม  

3. ผลไม้น้ำตาลสูง เช่น กล้วยไข่ ลำไย ทุเรียน สามารถแปรเปลี่ยนเป็น ไขมันพอกตับได้อย่างรวดเร็ว แนะนำให้เปลี่ยนมาทาน แอปเปิ้ลเขียว ฝรั่ง มะเขือเทศ เป็นเมนูอาหารลดไขมันพอกตับแทน ก็จะสามารถ ช่วยลดอาการไขมันพอกตับได้เป็นอย่างดี

4. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลัก ที่ทำให้เกิดไขมันพอกตับ และ ตับแข็งได้ง่าย การหลีกเลี่ยง หรือ ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่จะสามารถช่วยลดไขมันพอตับ ของเราได้ดีเลยทีเดียว

นอกจากการ ปรับเลี่ยนพฤติกรรมการกิน และ การเปลี่ยนเมนูอาหารลดไขมันพอกตับ จะช่วยฟื้นฟู และ รักษาไขมันพอกตับ ของเราได้แล้ว หากเรา ดื่มน้ำเปล่าให้มาก และ การหมั่นออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปด้วย ก็จะยิ่งช่วยให้ระบบ การทำงานของตับ กลับมาทำงานได้ดี และ เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

ปรับสมดุล ลดไขมันพอกตับ แบบธรรมชาติ ด้วยยาสมุนไพรรักษาโรคไขมันพอกตับ

ตรีผลา FORTE หมออรรถวุฒิ
สกัดจากสมุนไพรรักษาไขมันพอกตับ 100%
ไม่มีสารเคมีตกค้าง 
รักษา ฟื้นฟูควบคู่กันไป เพื่อสุขภาพตับที่ยั่งยืน

อีกหนึ่งในวิธี การรักษาอาการไขมันพอกตับ อย่างยั่งยืน และ ปลอดภัย คือ การปรับสมดุลภายในของร่างกาย โดยการใช้สมุนไพรรักษาโรคไขมันพอกตับ เพราะในร่างกายคนเรานั้น ประกอบด้วย 4 ธาตุ ตือ ดิน น้ำ ลม และ ไฟ ซึ่งหากธาตุทั้ง 4 ธาตุนี้ไม่สมดุลกัน ก็จะส่งผลให้ เราเจ็บป่วย เป็นผลกระทบ เกี่ยวเนื่องต่อกัน ไปเป็นทอด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ตับ” ซึ่งเป็นอวัยวะ ที่จัดอยู่ในหมวดธาตุไฟ ที่มักจะเกิดความร้อน และ อักเสบได้ง่าย 

ในปัจจุบัน มียาสมุนไพรรักษาโรคไขมันพอกตับ ออกวางขายมากมาย แต่เราควรเลือกซื้อยาสมุนไพรรักษาไขมันพอกตับ จากสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ และ ผ่านการรับรอง จากการองค์การอาหารและยา เช่น ตรีผลา FORTE จาก “ศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ” ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาสมุนไพร ที่มีชื่อเสียงยาวนานกว่า 30 ปี การันตีด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้น 

อีกทั้ง ยาสมุนไพรรักษาไขมันพอกตับ ตรีผลา FORTE  หมออรรถวุฒิ ยังผ่านมาตฐานการผลิต GMP และได้รับการจดทะเบียนจาก อย.ว่า เป็น “ยา” ที่สามารถ ใช้รักษาอาการไขมันพอกตับได้จริง สามารถวางใจได้ ตรีผลา FORTE ของหมออรรถวุฒิ  อัดแน่นไปด้วย สารสกัดสมุนไพรลดไขมันพอกตับ มากถึง 22 ชนิด เช่น 

  • สารสกัดสมอทั้ง 5 ได้แก่ สมอไทย สมอภิเภก สมอเทศ สมอดีงู สมอทะเล 
    ที่มีส่วนช่วยในการขจัด และ ล้างไขมันพอกตับ รวมไปถึงการล้างของเสียในเลือด ช่วยปรับสมดุล ทำให้ธาตุไฟในตับ ของเราสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 
  • สารสกัดจาก ลูกจันทร์ ดอกจันทร์ กระวาน กานพลู และ เทียนทั้ง 9 
    ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญ ในการขับไล่ลม และสิ่งอุดตันต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนเลือด และ ความดันโลหิต ของเราสมดุลขึ้น 
  • สารสกัดจาก ดอกคำฝอย ดีปลี ขิงแห้ง เจตมูลเพลิง กระวานเทศ 
    เป็นสมุนไพร ที่ช่วยเร่งการเผาผลาญ ไขมันภายในร่างกายให้ดีขึ้น ช่วยลดการทำงานของตับ ทำเกิดไขมันพอกตับได้น้อยลง 

นอกจากนี้ ตรีผลา FORTE หมออรรถวุฒิ ยังมีสารกัดจาก ทองพันช่างดอกเหลือง ทองพันชั่งดอกขาว ชุมเห็ดไทย ขี้เหล็ก แสมสาร และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่มีส่วนช่วยฟื้นฟู และ รักษาไขมันพอกตับ ทำให้ตับของเราแข็งแรง และ กลับมาทำงาน ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดไขมันพอกตับ ให้น้อยลง ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี ทำให้ปลอดภัยไร้กังวลเรื่องสิ่งตกค้าง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่

หากมีข้อสงสัยใดๆ เพิ่มเติม สามารถคอมเม้นท์สอบถามได้ เรามีเภสัชกร และ ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษา ทุกปัญหาสุขภาพ


แชร์ได้เลยค่ะ

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top