ไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease) คือ การมีไขมันสะสมในตับ มากเกิน 5 – 10% นับว่าเป็นโรคใกล้ตัว ของเราทุกคน เนื่องจากปัจจุบัน มีคนไทย ป่วยเป็นโรคไขมันพอกตับ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งเด็ก และ ผู้ใหญ่ โดยโรคไขมันพอกตับ เป็นภัยเงียบ ที่ก่อขึ้นภายในร่างกาย และ ใช้ระยะเวลานานหลายปี ถึงแสดงอาการไขมันพอกตับออกมา เมื่อทราบว่าเป็นแล้ว ต้องรีบทำการรักษา เพราะหากปล่อยให้ลุกลาม จนถึงระยะสุดท้าย อาการไขมันพอกตับ ก็จะกลายเป็นโรคตับแข็ง หรือ มะเร็งตับได้ในที่สุด ซึ่งไม่มี ยารักษาไขมันพอกตับ ตัวไหน สามารถรักษาได้อีกแล้ว
ความจำเป็นในการรักษาไขมันพอกตับ และ การทานยารักษาไขมันพอกตับ
แม้ว่าไขมันพอกตับ จะไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร เนื่องจากใช้ระยะเวลายาวนานหลายสิบปี กว่าโรคไขมันพอกตับ จะดำเนินไปถึงระยะอันตราย แต่ก็จำเป็นมาก ที่จะต้องทำการรักษาไขมันพอกตับ “เพราะหากรักษาได้เร็ว ก็มีโอกาสหายขาดได้” แต่หากรักษาช้า หรือ ไม่ทำการรักษาไขมันพอกตับเลย ก็จะนำไปสู่การเป็นโรคตับแข็งนั่นเอง โดยโรคไขมันพอกตับ แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้
- ระยะที่ 1 ระยะเริ่มต้น ของโรคไขมันพอกตับ ดังนั้นการรักษาไขมันพอกตับระยะนี้ เป็นไปได้ง่าย และ มีโอกาสหายได้ง่ายที่สุด ไม่จำเป็นต้องทาน ยารักษาไขมันพอกตับ แพทย์แผนปัจจุบันเลยก็ได้ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยหันไปรับประทาน เมนูอาหารลดไขมันพอกตับ พร้อมรับประทานยาสมุนไพรรักษาไขมันพอกตับ เท่านี้ก็หายได้แล้ว
- ระยะที่ 2 เป็นระยะที่ไขมันพอกตับ ได้พัฒนามาเป็นโรคตับอักเสบ จำเป็นต้องรักษาภายใน 6 เดือน เพราะหากไม่รักษาในช่วงนี้ให้หาย ก็จะกลายเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังได้
- ระยะที่ 3 การรักษาไขมันพอกตับระยะนี้ เป็นไปได้ยากพอสมควร เนื่องจากเข้าสู่การเป็น โรคตับอักเสบเรื้อรังแล้ว โดยเซลล์ต่างๆ ของตับถูกทำลาย เกิดพังผืดที่ตับ ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่แล้ว
- ระยะที่ 4 เป็นระยะที่ไม่สามารถทำการรักษาไขมันพอกตับได้แล้ว เนื่องจากตับถูกทำลายไปมาก จนกลายเป็นตับแข็ง ทำได้แค่ดูแลอาการไปเรื่อยๆ เช่น รับประทานอาหารลดไขมันพอกตับ รับประทาน ยารักษาไขมันพอกตับ แพทย์แผนปัจจุบัน และ แพทย์แผนไทยควบคู่กันไป เป็นต้น เพราะหากไม่ดูแลร่างกาย ก็จะนำไปสู่การเป็นโรคตับแข็งนั่นเอง
จะเห็นได้ว่า การรักษาไขมันพอกตับ และ การทาน ยารักษาไขมันพอกตับ ถือเป็นเรื่องจำเป็นมาก โดยผู้ป่วยสามารถเลือกวิธีการรักษา ในแนวทางที่ตนเองพึงพอใจได้ ไม่ว่าจะเป็น การรักษาไขมันพอกตับโดยแพทย์แผนปัจจุบัน หรือ การรักษาไขมันพอกตับโดยแพทย์แผนทางเลือก อย่างการรับประทานยาสมุนไพรรักษาไขมันพอกตับนั่นเอง
โรคไขมันพอกตับมาจากไหน
นอกจากการรับประทาน ยารักษาไขมันพอกตับ สิ่งหนึ่งที่สำคัญในการลดไขมันพอกตับก็คือ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และ การใส่ใจสุขภาพ เพราะ “ที่มาของโรคไขมันพอกตับเกิดจาก พฤติกรรมการรับประทานอาหารเป็นหลัก” นั่นเอง โดยแบ่งออกเป็น 2 สาเหตุ คือ
1. ไขมันพอกตับ ที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ (Alcohol-related Fatty Liver Disease) ในปริมาณเกินขนาด ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี
2. ไขมันพอกตับ ที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic Fatty Liver Disease) แต่เกิดจากการรับประทานอาหาร และ การป่วยเป็นโรคบางชนิด เช่น
- รับประทานอาหาร ที่มีไขมันสูง เช่น ของมัน ของทอด อาหารขยะ (Junk Food)
- รับประทานอาหารที่มีรสจัด
- ดื่มน้ำอัดลม หรือ น้ำหวาน ที่มีปริมาณน้ำตาลสูงเป็นประจำ
- รับประทานยาลดน้ำหนัก
- ไม่รับประทานผักหรือผลไม้
- มีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ ต่ำกว่ามาตรฐาน
- ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด สูงเกิน 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
- ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือ โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
เลือกกินอย่างไร ให้ห่างไกลไขมันพอกตับ
เมื่อเราทราบสาเหตุ ของการเกิดโรคไขมันพอกตับแล้วว่า เกิดจากการรับประทานอาหารในรูปแบบไหน เราก็แค่เลี่ยงอาหารเหล่านั้น และ รับประทานยารักษาไขมันพอกตับ ควบคู่ไปด้วย เช่น
1. หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น ส้มตำปูปลาร้า เพราะมีทั้งรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ซึ่งรสเค็มในปลาร้า จะมีผลต่อตับ และ ไตโดยตรง แถมความเค็มยังเพิ่มความอยากรับประทานอาหารมากขึ้นด้วย เมื่อความอยากอาหารมากขึ้น ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไขมันพอกตับ ก็จะสูงขึ้นตาม เพราะเราอยากทานอาหารเมนูอื่นๆ เป็นกับแกล้ม เช่น ไก่ทอด ไก่ย่าง คอหมูย่าง ซึ่งเป็นอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงทั้งสิ้น
2. หลีกเลี่ยงอาหาร ที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น เนย ชีส ครีม เพราะไขมันอิ่มตัวเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่งผลให้คอเลสเตอรอลสูงตาม
3. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม และ น้ำหวานที่มีปริมาณน้ำตาลสูง
4. รับประทานผัก และ ผลไม้ ที่มีส่วนช่วยในการลดไขมันพอกตับ เช่น แครอท ที่มีส่วนช่วยในการลดคอเรสเตอรอลในร่างกาย อะโวคาโดที่มีไขมันดีสูง ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ มะเขือเทศที่มีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น
5. รับประทาน เมนูอาหารลดไขมันพอกตับ เช่น แกงเลียง ต้มยำปลาน้ำใส แซลมอนอบสมุนไพร สลัดเต้าหู้น้ำใส นมอัลมอนด์ น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลและนม เป็นต้น
6. รับประทานข้าวกล้อง และ ธัญพืช ที่ไม่ได้รับการแปรรูป มีกากใยเป็นหลัก เพราะการรับประทานข้าวขาว หรือ ขนมปังแปรรูปต่างๆ ท้ายสุดจะถูกแปรรูปเป็นไขมันสะสมในร่างกาย และ ตับนั่นเอง
เลือกยารักษาไขมันพอกตับแบบไหน ถึงดีต่อร่างกาย
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ยาที่ดีต่อร่างกาย คือ ยาที่สามารถรักษาโรคนั้นๆ ได้จริง ไม่มีผลข้างเคียง ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย และไม่ดื้อยาหากเลิกรับประทานไปแล้ว ดังนั้นเราขอเปรียบเทียบข้อดี และ ข้อเสียของยาแพทย์แผนปัจจุบัน และ ยาแพทย์แผนไทยให้เห็นภาพชัดๆ ก่อน เพื่อการตัดสินใจ ในการเลือกรับประทาน ยารักษาไขมันพอกตับ ในอนาคต
ประเภทของยา | ข้อดี | ข้อเสีย |
ยาแพทย์แผนปัจจุบัน | 1. ได้รับความนิยมในการรักษา 2. เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง 3. ตัวยามีการออกฤทธิ์เฉพาะที่ ทำให้สามารถรักษาได้อย่างตรงจุด 4. ออกฤทธิ์เร็ว เห็นผลเร็ว | 1. เสี่ยงต่อสารเคมีตกค้างในร่างกาย และ การแพ้ยา 2. มีผลต่อการทำลายเนื้อเยื่อ หรือ เซลล์ภายในโดยตรง 3. ยาบางชนิดหากหยุดยาแล้ว ร่างกายจะดื้อยา มากกว่าเดิม 4. มีราคาสูง |
ยาแพทย์แผนไทย | 1. สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ ทำให้มีความปลอดภัยสูง 2. สมุนไพรชนิดเดียวสามารถรักษาได้หลายโรค 3. ไม่มีสารเคมีตกค้างในร่างกาย 4. บำรุงร่างกายในระยะยาวไปในตัว 5. ร่างกายไม่ดื้อยา 6. สามารถรับประทานควบคู่ไปกับ ยาแพทย์แผนปัจจุบัน ได้อย่างปลอดภัย 7. ยาสมุนไพรไทยมีราคาไม่สูง เนื่องจากผลิตในประเทศไทย แหล่งวัตถุดิบจากท้องถิ่น จึงเป็นยารักษาโรคที่เข้าถึงได้ง่าย และ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษา | 1. เนื่องจากสกัดจากสมุนไพร ตัวสมุนไพรบางชนิดอาจออกฤทธิ์ช้า อาจใช้ระยะเวลานานกว่า การทานยาแพทย์แผนปัจจุบัน 2. หลายคนอาจมีความกังวล ในการทานยาสมุนไพรไทย ว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาโรคได้ จริงหรือไม่ จึงทำให้ยังไม่กล้าเปิดใจในการรับประทาน 3. ผู้ป่วยบางคนจำเป็นต้อง ทานยาแพทย์แผนปัจจุบันควบคู่ไปด้วย 4. โรคร้ายแรงบางชนิดไม่สามารถรักษาด้วยฃยาแพทย์แผนไทยได้ |
ดังนั้นทุกคนคงเห็นแล้วว่า การรักษาแต่ละรูปแบบ ย่อมมีข้อดี และ ข้อเสียแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล หากต้องการรักษาภายใต้การดูแลของแพทย์ ก็แนะนำให้ใช้ ยาแพทย์แผนปัจจุบัน แต่หากอยากได้การรักษาที่มีความปลอดภัยสูง พร้อมบำรุงร่างกายไปในตัว ก็ต้องเป็นการทาน ยาสมุนไพรแพทย์แผนไทย นั่นเอง ส่วนใครที่ยังลังเล แนะนำให้ทานควบคู่กันไปได้ ภายใต้การดูแลของแพทย์ และ เภสัชกร เนื่องจากยาสมุนไพรแพทย์แผนไทย สามารถรับประทานควบคู่ไปกับยาแพทย์แผนปัจจุบันได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง
รู้หรือไม่? มียารักษาไขมันพอกตับ ตามหลักแพทย์แผนไทย ที่รักษาได้จริง
ก่อนอื่นต้องบอกให้ทุกท่านทราบเลยว่า ปัจจุบันไม่มียาแพทย์แผนปัจจุบันขนานไหน ที่มีกลไกไปลดไขมันตับโดยตรง ดังนั้นแพทย์จะทำการจ่ายยาใน กลุ่มสแตติน (Statins) ให้ผู้ป่วยแทน โดยยาในกลุ่มนี้มีส่วนช่วย ในการลดไขมันในเลือด ยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์ที่ตับ ไม่ให้เปลี่ยนมาเป็นไขมันเลว (LDL) คอเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือด แต่ไขมันในตับก็ยังคงอยู่ และก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับคนไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะปัจจุบัน มียารักษาไขมันพอกตับ ตามตำรับแพทย์แผนไทย ที่สามารถรักษาโรคไขมันพอกตับได้ หนึ่งในนั้นก็คือ “ยาตรีผลา FORTE โดยหมออรรถวุฒิ”
ยารักษาไขมันพอกตับ ตรีผลา FORTE โดยหมออรรถวุฒิ มีมาตรฐานกระบวนการผลิตสูง ภายใต้ทีมแพทย์ และ เภสัชกร มีการรับรองจาก อย. แล้วว่า ปลอดภัยจริง เนื่องจากสกัดจากธรรมชาติสมุนไพรไทย 100% มากกว่า 22 ชนิด อาทิ
- สมุนไพรรักษาโรคไขมันพอกตับ จากสารสกัดของสมอทั้ง 5 ได้แก่ สมอไทย, สมอภิเภก, สมอเทศ, สมอดีงู, สมอทะเล ที่มีส่วนช่วยลดไขมันพอกตับ ล้างพิษในตับ ล้างไขมันเกาะตับ ล้างไขมันในเลือด ลดคอเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์ ปรับสมดุลความดัน เป็นต้น
- สมุนไพรรักษาโรคไขมันพอกตับ จากสารสกัดดอกคำฝอย, ดีปลี, ขิงแห้ง, เจตมูลเพลิง, กระวานเทศ ที่มีส่วนช่วยในการลดไขมันส่วนเกิน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยในเรื่องการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และ ลดความดัน
- สมุนไพรรักษาโรคไขมันพอกตับ จากสารสกัดทองพันชั่งดอกขาว และ ทองพันช่างดอกเหลือง ที่มีส่วนช่วยในการฟอกเลือด ปรับสมดุลความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ขับของเสียในไต ลดอาการบวมน้ำ เป็นต้น
โดยส่วนผสมจากสมุนไพรทั้งหมดนี้ จะทำหน้าที่ล้างไขมันในตับ แล้วขับออกทางระบบน้ำดี และ ขับทิ้งทางอุจจาระ ทำให้ไขมันในเลือดค่อยๆ ลดลงตาม อย่างปลอดภัย ทำให้ตับไม่มีไขมัน ตับอ่อนทำงานได้ดี อินซูลินที่หลั่งจากตับอ่อน ก็ดีขึ้นตามลำดับด้วย ดังนั้นผู้บริโภคจึงมั่นใจได้เลยว่า ยารักษาไขมันพอกตับ ตรีผลา FORTE โดยหมออรรถวุฒิ ปลอดภัยต่อร่างกาย และ สามารถรักษาไขมันพอกตับได้อย่างแน่นอน อีกทั้งสุขภาพโดยรวมดีขึ้น เลือดลมดี ผิวดี หลับสบาย แลดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย เพราะเป็นการฟื้นฟูอย่างลงลึกจากภายใน สามารถชมรีวิวเพิ่มเติมได้ ที่นี่
หากมีข้อสงสัยใดๆ เพิ่มเติม สามารถคอมเม้นท์สอบถามได้ เรามีเภสัชกร และ ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพ