การคุมน้ำตาล เป็นหนึ่งในขั้นตอนการดูแลตัวเอง ที่สำคัญมาก สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน เพราะหากว่าเป็นเบาหวาน คุมน้ำตาลไม่ได้ อาการของโรคเบาหวาน ก็จะยิ่งทวีความรุนแรง จนสามารถทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้อีก เช่น เบาหวานขึ้นตา เบาหวานที่ไต เป็นแผลเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง ฯลฯ ซึ่งการคุมน้ำตาล ด้วยการรับประทานอาหาร ให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ เป็นวิธีการรักษาเบาหวานที่ดี ที่ควรทำควบคู่ไปกับการทานยารักษาเบาหวาน วันนี้เราจึงนำสูตรลับ วิธีคุมน้ำตาล พิชิตโรคเบาหวานมาแบ่งปัน ให้ได้ลองทำตามกัน รับรองว่า สามารถคุมน้ำตาลได้อย่างอยู่หมัดแน่นอน
ลองเช็คดู! ถ้ามีอาการเหล่านี้ ถึงเวลาต้องคุมน้ำตาลด่วน!
โรคเบาหวาน เป็นโรคที่เกิดจาก ภาวะน้ำตาลในเลือด สูงผิดปกติ หรือ มากกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร และ ร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งทำหน้าที่นำพาน้ำตาล ไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างเพียงพอ ทำให้มีน้ำตาลค้าง สะสมอยู่ในเลือดสูงนั่นเอง หากใครอยากรู้ว่า ตัวเองเป็นเบาหวาน หรือไม่ เรามีวิธีสังเกตอาการต่าง ๆ ของโรคเบาหวานมาฝากกัน หากเป็นไปตามนี้ล่ะก็ แนะนำให้พบแพทย์ หรือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทำการคุมน้ำตาลโดยด่วน
1. ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน
เคยได้ยินกันไหม ที่เขาบอกว่า “ฉี่ของคนเป็นเบาหวาน มักจะมีมดขึ้น” เราขอตอบตรงนี้เลยว่า “เป็นเรื่องจริง” เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่า โรคเบาหวาน เกิดจากภาวะฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายไม่สามารถกักเก็บน้ำตาล ไว้ใช้เป็นพลังงานได้ ร่างกายจึงพยายามหาทางขับน้ำตาลที่ค้างในเลือด ออกทางปัสสาวะ ทำให้ต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ นั่นเอง และ ด้วยความหวานของน้ำตาล จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มดมาเกาะตามโถชักโครก ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย บ่งบอกให้ รีบพบแพทย์ และ หาวิธีคุมน้ำตาลทันที
2. หิวบ่อย แต่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน
หลายคนยังเข้าใจผิด คิดว่า คนเป็นโรคเบาหวานจะอ้วนขึ้น แต่จริง ๆ แล้วคนเป็นเบาหวาน ช่วงแรกมักจะผอมลง อย่างรวดเร็ว สวนทางกับพฤติกรรมการกินที่หิวง่าย หิวบ่อย และ กินจุบจิบตลอดเวลา สาเหตุที่คนเป็นเบาหวาน มักผอมลง เป็นผลสืบเนื่องมาจาก ฮอร์โมนอินซูลินในเลือดทำงานผิดปกติ หรือ ร่างกายขาดอินซูลิน จึงทำให้รู้สึกหิวบ่อย อีกทั้งการขาดอินซูลินยังทำให้ร่างกาย ไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาล เป็นพลังงานไปใช้ได้ จึงไปสลายเอาโปรตีน และ ไขมันมาใช้แทนมากเกินไป ส่งผลเสียต่อระบบภายใน ต่อกันไปเป็นทอด ๆ ทำให้น้ำหนักลงผิดปกตินั่นเอง
3. กระหายน้ำ
อาการกระหายน้ำ เป็นผลมาจาก การปัสสาวะบ่อย ร่างกายจึงจำเป็นต้องหาน้ำ มาชดเชย จึงทำให้กระหายน้ำบ่อยนั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญมาก ว่าเราจะต้องจัดการ คุมน้ำตาล เบาหวาน อย่างจริงจัง เพราะหากปล่อยให้อาการกระหายน้ำ เกิดขึ้นบ่อย ๆ คุณอาจจะเป็นลม จนหมดสติก็เป็นได้
4. เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
ด้วยภาวะน้ำตาลในเลือด สูงผิดปกติ จึงทำให้เลือดข้น เหนียว จนเป็นอุปสรรคต่อการไหลเวียน ไปหล่อเลี้ยง อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ได้อย่างเต็มที่ ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนแรง ในผู้ป่วยโรคเบาหวานหลายราย ที่ค่าน้ำตาลในเลือดสูงมาก ๆ อาจจะเกิดความเสี่ยง เป็นภาวะเส้นเลือดอุดตันตามอวัยวะต่าง ๆ และสามารถเสียชีวิตแบบฉับพลันได้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งอาการที่ค่อนข้างอันตราย จึงเป็นเหตุให้ต้องคุมน้ำตาลอย่างเคร่งครัดนั่นเอง
5. สายตาพร่ามัว
อาการตาพร่ามัว มองอะไรก็ไม่ค่อยชัด เป็นผลมาจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เกิดการคั่งของน้ำตาลในเลนส์ตา และหากเป็นเบาหวาน คุมน้ำตาลไม่ได้ ปล่อยให้ระดับน้ำตาลสูง ตาพร่ามัวนานๆ อาจทำให้ถึงขั้นตาบอด มองไม่เห็นได้เลยทีเดียว
นอกจากนี้ ยังมีอาการเบาหวานอื่น ๆ ที่ต้องเฝ้าสังเกตอีก เช่น
- ปากแห้ง แตก เป็นขุย
- ปวดศีรษะบ่อย
- ปวดเมื่อยตามร่างกาย
- เป็นแผลแล้วหายช้ากว่าปกติ
- รู้สึกชาที่ปลายมือ และ เท้า
- หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
- ผิวแห้ง คันตามผิวหนัง
- อารมณ์แปรปรวน
- มีอาการซึม
- มีอาการกระตุก
อย่างไรก็ตาม โรคเบาหวาน เป็นภัยเงียบที่มักไม่แสดงอาการใด ๆ มาก่อน ดังนั้นคุณควรต้องใส่ใจ และ หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี คอยสังเกตความผิดปกติของร่างกายตัวเองบ่อย ๆ เพราะหากมีอาการตามที่บอกไปข้างต้น จะได้หาวิธีรักษาเบาหวานโดยเร็ว และหากเป็นไม่มาก เพียงแค่ปรับการกิน กินอาหารคุมน้ำตาล ปรับวิถีชีวิตประจำวัน อาการก็ดีขึ้นได้แล้ว
แนะนำเมนูอาหารคุมน้ำตาล พิชิตเบาหวาน
สำหรับใครที่เป็นเบาหวาน เราขอแนะนำ ให้หยิบเอาวัตดุดิบ ที่มีส่วนช่วยในการลดเบาหวาน มาดัดแปลงเป็นเมนูอาหารคุมน้ำตาล เมนูเพื่อสุขภาพ ที่สามารถทำทานตามที่บ้านได้ง่าย ๆ ดังนี้
ข้าวไม่ขัดสี
ข้าวไม่ขัดสี วัตถุดิบสำคัญที่มีส่วนช่วยคุมน้ำตาลได้เป็นอย่างดี เพราะข้าวไม่ขัดสี เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่อุดมไปด้วยกากใย ทำให้ร่างกายสามารถ ดูดซึมน้ำตาลได้ช้า โดยเฉพาะ ข้าวกล้อง และ ข้าวไรซ์เบอร์รี เพราะข้าวทั้ง 2 ชนิดนี้ มีดัชนีน้ำตาลต่ำ และ มีสารแอนโทไซยานิน ที่สามารถช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดได้
เมนูอาหารคุมน้ำตาลจากข้าวไม่ขัดสี เช่น ข้าวอบธัญพืช ข้าวต้มปลาข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รีผัดปลานิล
กระเจี๊ยบเขียว
กระเจี๊ยบเขียว เรียกได้ว่า เป็น 1 ใน สุดยอดอาหารคุมน้ำตาล สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะมีเส้นใย ที่ช่วยลดการดูดซึมน้ำตาล มีกลูต้าไธโอน ที่มีส่วนช่วยคุมน้ำตาล เบาหวาน ให้คงที่ แถมยังป้องกันหลอดเลือดตีบตัน สามารถลดการอักเสบของร่างกาย ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุนำไปสู่โรคแทรกซ้อน ที่เกิดจากเบาหวานได้อีกด้วย
เมนูอาหารคุมน้ำตาลจากกระเจี๊ยบเขียว เช่น กระเจี๊ยบเขียวผัดเกลือ กระเจี๊ยบเขียวผัดอกไก่ กระเจี๊ยบเขียวผัดไข่ กระเจี๊ยบเขียวลวกจิ้ม กระเจี๊ยบเขียวผัดหมูสับ
เห็ดหอม
ในเห็ดหอม มีสารโพลีแซคคาไรด์ ที่ช่วยยับยั้งการผลิตเอ็นไซม์ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้กระบวนการดูดซึมน้ำตาล จากอาหารลดลง จนสามารถคุมน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น นอกจากนี้ เห็ดหอมยังมีเบต้ากลูแคน ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้แผลของผู้ป่วยโรคเบาหวานแห้ง และ หายเร็วขึ้นอีกด้วย
เมนูอาหารคุมน้ำตาลจากเห็ดหอม เช่น เห็ดหอมผัดกุ้ง แกงจืดฟักใส่เห็ดหอม ยำเห็ดรวม เซียนคะน้ากรอบเห็ดหอม เห็ดหอมอบวุ้นเส้น ต้นอ่อนทานตะวันผัดน้ำมันหอยเห็ดหอม
ขิง
ขิง สมุนไพรรักษาเบาหวาน รสชาติเผ็ดร้อน ที่มีส่วนช่วยให้อาการเบาหวานดีขึ้นได้หลายอย่าง เช่น ช่วยขับลม ช่วยเร่งการเผาผลาญ ช่วยลด และ คุมน้ำตาล ในเลือดได้ดี อีกทั้งช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ลดคอเลสเตอรอล ระดับไขมันในเลือด ฯลฯ
เมนูอาหารคุมน้ำตาลจากขิง เช่น ปลาผัดพริกขิง ปลากะพงต้มขิง เต้าหู้ผัดขิง หมูผัดซอสขิง ซี่โครงหมูตุ๋นขิงเห็ดหอม
ใบกะเพรา
ใบกะเพรา มีสารกลุ่มไทรเทอร์พีนอยด์ ซึ่งมีสรรพคุณช่วยขับไขมัน และ กำจัดน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้งยังช่วยลดระดับไขมันในเลือด และ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งทำให้โรคเบาหวานดีขึ้นได้ อีกทั้งยังช่วยให้กลไกควบคุมน้ำตาลในเลือด เป็นปกติอีกด้วย
เมนูอาหารคุมน้ำตาลจากใบกะเพรา เช่น ไข่เจียวใบกะเพรา ต้มยำปลาช่อนใส่ใบกะเพรา ข้าวต้มปลาใส่ใบกะเพรา ผัดกะเพราปลาดอรี่
ตำลึง
เรามักจะได้ยินว่า ทานตำลึงแล้วดวงตาจะสวย แต่จริง ๆ แล้ว ตำลึง ผักสวนครัวที่เราคุ้นเคยกันนี้ ยังมีอีกหลายสรรพคุณที่ซ่อนอยู่ เช่น ช่วยคุมน้ำตาล เบาหวาน กระตุ้นการนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ เพิ่มระดับอินซูลิน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ยับยั้งการสร้างน้ำตาล กระตุ้นการสลายไขมัน ฯลฯ
เมนูอาหารคุมน้ำตาลจากตำลึง เช่น แกงจืดหมูสับตำลึงไข่น้ำ ต้มเลือดหมูตำลึง ยอดตำลึงผัดไข่
มะระขี้นก
“หวานเป็นลม ขมเป็นยา” วลีสุดฮิต ที่ต้องยกให้กับผักชนิดนี้ เพราะความขมในมะระขี้นก มีสารชาแรนติน ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ลดการดูดซึมน้ำตาล บริเวณลำไส้เล็ก สามารถคุมน้ำตาลในเลือดได้ ทำให้ร่างกายสามารถ จัดการ และ ควบคุมน้ำตาล เบาหวาน ได้ดีมากยิ่งขึ้น
เมนูอาหารคุมน้ำตาลจากมะระขี้นก เช่น มะระขี้นกลวกจิ้ม มะระขี้นกผัดไข่ ไข่เจียวมะระขี้นก คั่วมะระขี้นกปลาอินทรีย์
นอกเหนือจากเมนูอาหารคุมน้ำตาล ที่เราหยิบยกขึ้นมานี้ การเลือกเครื่องปรุงในการประกอบอาหาร สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะน้ำมัน น้ำตาล เกลือ ซอสปรุงรสต่าง ๆ แนะนำให้ทำการศึกษาให้ดี ก่อนนำมาปรุง เช่น ใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว หลีกเลี่ยงการเติมน้ำตาล เกลือ เครื่องปรุงรส มากเกินความจำเป็น หรือ อาจใช้น้ำตาลเทียม ให้ความหวานแทน น้ำตาลทราย เป็นต้น
เปลี่ยนพฤติกรรม ควบคู่กับ คุมน้ำตาล แก้โรคเบาหวาน อย่างยั่งยืน
นอกจากการคุมน้ำตาล ด้วยเมนูอาหารคุมน้ำตาล เพื่อรักษาเบาหวานแล้ว หากคุณยังมีพฤติกรรมการใช้ชีวิต แบบเดิม ๆ ก็ไม่อาจทำให้เบาหวานดีขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น คุณควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควบคู่ ไปกับการกินอาหารคุมน้ำตาล เพื่อปรับสมดุลภายใน และ เพื่อไม่เกิดโรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน ซึ่งมีวิธีปฎิบัติตนเอง ดังนี้
1. ควบคุมน้ำหนัก
2. หลีกเลี่ยงการทานผลไม้น้ำตาลสูง เช่น ทุเรียน มะม่วงสุก เงาะ ลำไย ผลไม้กระป๋อง
3. หลีกเลี่ยงการทานผัก ที่มีลักษณะเป็นหัว เพราะเป็นผักที่จัดอยู่ในกลุ่มข้าว และ แป้ง เช่น ฟักทอง มันเทศ มันฝรั่ง เป็นต้น
4. หลีกเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์ติดมัน ของมัน ของทอด อาหารที่มีไขมันสูง
5. แบ่งการรับประทานอาหารออกเป็นมื้อเล็กๆ
6. งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
7. งดทานอาหารรสหวาน เบเกอรี่ น้ำหวาน
8. งดทานของหมักดอง ผลไม้ดอง ผักดอง ปลาร้า
9. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
10. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
แม้โรคเบาหวาน จะไม่ใช่โรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การคุมน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ จะสามารถช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดี และ แข็งแรง สามารถดำเนินชีวิตเท่ากับคนปกติได้
บอกต่อของดี! ยาสมุนไพรรักษาเบาหวาน ช่วยมากกว่า คุมน้ำตาล
ถ้าสังเกตจากเมนูอาหารคุมน้ำตาล ที่เราแนะนำไป จะเห็นได้ว่า แต่ละเมนูนั้นประกอบไปด้วยพืชผักสมุนไพร ซึ่งมีคุณสมบัติในการคุมน้ำตาล เบาหวานได้ แต่เราขอแนะนำวิธีรักษาเบาหวาน คุมน้ำตาล ที่ง่ายกว่านั้นจากพืชผักสมุนไพร นั่นก็คือ การทานยาสมุนไพรรักษาเบาหวาน นั่นเอง เพราะสามารถทานคู่ไปกับยารักษาเบาหวาน แผนปัจจุบันได้ แถมยังจะได้ลดยาเคมีลงเรื่อย ๆ จนอาการเบาหวาน ดีขึ้นได้เอง แบบไม่ต้องพึ่งพาการทานยาเคมีอีกต่อไป
โดยเราขอแนะนำ ยาสมุนไพรรักษาเบาหวาน “ตรีผลา FORTE” จากศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ ที่มีดีมากกว่าการช่วยคุมน้ำตาล เป็นลิขสิทธิ์การปรุงยาเฉพาะ ที่ผ่านการวิจัย การตรวจวิเคราะห์ความบริสุทธิ์ มาตรฐานการผลิต GMP ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก อ.ย. รับรองประสิทธิภาพ ในการรักษาเบาหวานได้ จนมีผู้ซื้อซ้ำ และ บอกต่อมากที่สุด ยาวนานกว่า 30 ปี สกัดมาจากสมุนไพรรักษาเบาหวาน มากถึง 22 ชนิด เช่น
- สารสกัดสมอทั้ง 5 ได้แก่ สมอไทย สมอภิเภก สมอเทศ สมอดีงู สมอทะเล : ช่วยเร่งระบบการเผาผลาญ ชะล้างสิ่งอุดตัน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน
- สารสกัดดอกคำฝอย : มีส่วนช่วยในการคุมน้ำตาลในเลือด ให้คงที่
- สารสกัดเจตมูลเพลิง : ช่วยขจัดสิ่งอุดตันตามเส้นเลือด ทำให้เลือดสามารถไหลเวียนตามร่างกายได้ดี อีกทั้งยังช่วยรักษาการปัสสาวะบ่อยได้
- สารสกัดกำแพงเจ็ดชั้น : มีส่วนช่วยบำรุง และ ฟื้นฟูการทำงานของตับอ่อน ทำให้ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน ออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- สารสกัดกระวานเทศ : ช่วยลดการดูดซึมน้ำตาล ทำให้สามารถคุมน้ำตาลในเลือดได้ง่ายขึ้น
ซึ่งศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ มีความพิถีพิถัน ตั้งแต่การเลือกสมุนไพร การเก็บเกี่ยว ใช้เทคนิคการสกัดยาเฉพาะ เพื่อให้ได้สารสำคัญ ตัวยา ออกฤทธิ์ดี และ ครบถ้วน มีผลวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพ ในการรักษาเบาหวานให้ดีขึ้นได้จริง ด้วยคุณสมบัติดังนี้
- ช่วยการหลั่งอินซูลิน ให้เป็นไปอย่างปกติ
- ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย ไม่ให้เกิดไขมันสะสม
- ช่วยเคลียร์หลอดเลือด คุมน้ำตาล ลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน
- บำรุงตับ แก้ตับอ่อนมีปัญหา
- ช่วยลดคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ล้างไขมันเกาะตับ ไขมันพอกตับ ล้างไขมันในเลือด ไขมันอุดตันเส้นเลือด
- ล้างเมือกมัน ตะกรันในลำไส้ ล้างพิษตับ ล้างน้ำเหลืองเสีย
- ปรับสมดุลขับถ่าย สมดุลความดัน
- ช่วยทำให้แผลเบาหวานหายเร็ว
- ช่วยป้องกันโรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน เช่น ป้องกันเบาหวานขึ้นตา เบาหวานลงไต เบาหวานลงเท้า
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต บำรุงปลายประสาท แก้อาการชาปลายมือ และ เท้า
- ไม่ต้องเป็นเบาหวาน ก็ทานได้ เพราะช่วยบำรุงร่างกายทั้งระบบ
- สามารถรับประทานร่วมกับ ยาแผนปัจจุบัน ที่ทานอยู่แล้วได้
ทั้งนี้ สามารถไปตรวจเบาหวาน ซ้ำทุก ๆ 2 เดือน หรือ พบแพทย์ตามนัดปกติ จะพบว่า ค่าแลปดีขึ้นเรื่อย ๆ และ ลดยาเคมีลงเรื่อย ๆ จนไม่ต้องทานยาเคมีได้ในที่สุด พร้อมปฎิบัติตัวคุมอาหารแป้งขัดขาว น้ำตาล ไขมัน ทานอาหารสุขภาพ ออกกำลังกาย พักผ่อนเพียงพอ ตามปกติ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
หากมีข้อสงสัยใด ๆ เพิ่มเติม สามารถคอมเมนต์สอบถามได้ เรามีเภสัชกร และ ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพ