ตกขาว หรือ ระดูขาว กับสาว ๆ ที่ยังมีประจำเดือนอยู่ ถือเป็นของคู่กัน โดยตกขาว เป็นของเหลว ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากระบบสืบพันธ์ของผู้หญิง มีระดับความเป็นกรดด่างอยู่ระหว่าง 3.5 – 4.5 ซึ่งปกติแล้ว ตกขาว จะเป็นเมือกใส ไม่มีกลิ่น มีปริมาณไม่มาก และ ไม่คัน มักมาในช่วงใกล้มีประจำเดือน หรือ หลังมีประจำเดือน แต่หากสีตกขาวเปลี่ยนไป มีลักษณะเป็นก้อน แสดงว่าระบบภายในของผู้หญิง เช่น ช่องคลอด มดลูก เกิดความผิดปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือน บอกโรคบางอย่างได้ด้วย
สังเกตให้ดี สีตกขาว บอกความผิดปกติได้
สีตกขาว ที่เป็นปกติ ต้องเป็นเมือกใส ไม่คัน แต่หากสีตกขาวเปลี่ยนไปแบบนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกร เพื่อทำการรักษาโดยเร็วที่สุด
1. สีตกขาวเป็น สีเทา หรือ สีเทาอ่อน เกิดได้หลายสาเหตุ หลัก ๆ มาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย การมีเพศสัมพันธ์ การสวนล้างช่องคลอด การทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันนาน ภูมิร่างกายตก มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น หากสีตกขาวเป็นสีเทา จะทำให้ ตกขาวมีกลิ่นเหม็นด้วย รวมไปถึงอวัยวะเพศบวม แดง ได้เช่นกัน
2. สีตกขาวเป็น สีขาวข้น หรือ สีเหลืองขาว มักจับตัวกันเป็นก้อนคล้ายนมบูด สาเหตุเกิดจาก การติดเชื้อราในช่องคลอด และอาจเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือ เป็นโรคเบาหวาน หากเป็นแล้ว ตกขาวจะมีกลิ่นเหม็นเหมือนนมบูด มีอาการคัน และปัสสาวะขัด
3. สีตกขาวเป็น สีเหลือง พร้อมตกขาวมีกลิ่นคาว สาเหตุตกขาวสีเหลืองนี้ เกิดได้หลายสาเหตุ เช่น
- สีตกขาวเป็น สีเหลือง เพราะติดเชื้อแบคทีเรีย จากการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ตกขาวมีกลิ่นคาว รู้สึกคัน
- สีตกขาวเป็น สีเหลือง เพราะติดเชื้อรา Candida Albicans ในช่องคลอด
- สีตกขาวเป็น สีเหลือง เพราะติดเชื้อหนองใน ส่งผลให้คกขาวมีกลิ่นเหม็น แต่ไม่คัน พร้อมแสบตอนปัสสาวะ
- สีตกขาวเป็น สีเหลือง เพราะติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด หรือ ปากมดลูกอักเสบ หรือ ช่องคลอดอักเสบ เป็นต้น
4. สีตกขาวเป็น สีเขียว สีเขียวอ่อน พร้อมตกขาวมีกลิ่นคาว มีกลิ่นเปรี้ยว มีฟอง สาเหตุตกขาวสีเขียวนี้ เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว ที่ชื่อว่า ทริโคโมแนส วาจินาลิส (Trichomonas Vaginalis) ซึ่งติดจากการมีเพศสัมพันธ์ เป็นแล้วจะรู้สึกคันที่อวัยวะเพศ และ ช่องคลอด มีอาการปัสสาวะขัด และ ตกขาวมามากผิดปกติ นอกจากนี้ สาเหตุตกขาวสีเขียวนี้ อาจเกิดจากการแบคทีเรียอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน ถ้าไม่มีอาการคัน ไม่มีกลิ่น ถือว่าไม่อันตราย
5. สีตกขาวเป็น สีน้ำตาล หรือ มีเลือดปน ซึ่งสาเหตุตกขาว เป็นสีน้ำตาล หรือ มีเลือดปนนี้ เกิดจากเลือดออกจากการตกไข่ ส่วนใหญ่จะมีปริมาณไม่มาก แต่หากมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย อาจเป็นไปได้ว่า มีการตั้งครรภ์นอกมดลูก แต่หากมีเลือดปนกับตกขาว ร่วมกับตกขาวมีกลิ่นเหม็น อาจเป็นไปได้ว่า เกิดการติดเชื้อบริเวณช่องคลอด หรือ ติดเชื้อที่ปากมดลูก ก็เป็นได้
6. ตกขาวเป็น สีชมพู หรือ สีแดง มักเกิดกับผู้ที่เพิ่งคลอดบุตร ซึ่งสาเหตุตกขาวเป็นสีนี้ เพราะเยื่อบุโพรงมดลูกเกิดการลอกนั่นเอง แต่หากไม่ได้คลอดบุตร แล้วสีตกขาวเป็นสีชมพู หรือ แดง อาจเป็นไปได้ว่า เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้
สาเหตุตกขาว เกิดจากอะไร
สาเหตุตกขาว แบ่งออกเป็น 2 สาเหตุหลัก ได้แก่
1. สาเหตุตกขาว ที่เกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอด ส่งผลให้ช่องคลอดเสียสมดุลความเป็นกรดด่าง แบคทีเรียชนิดไม่ดีในช่องคลอดเพิ่มขึ้น ทำให้ตกขาวกลิ่น สีตกขาวเปลี่ยนไปจากเดิม
2. สาเหตุตกขาว ที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ เช่น
- การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ช่องคลอดอักเสบ เกิดเป็นตกขาว
- การมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ทำให้น้ำอสุจิ เกิดปฏิกิริยากับความเป็นกรดด่างในช่องคลอด
- การไม่รักษาความสะอาดอวัยวะเพศ
- การสวนล้างช่องคลอด
- ความอับชื้น มีเหงื่อออกใต้ร่มผ้า ใส่กางเกงรัดแน่นเกินไป
- การลืมถอดผ้าอนามัยแบบสอดไว้ในช่องคลอด
- การใส่ผ้าอนามัยแผ่นเดิม ขณะมีประจำเดือน เกิน 4 ชั่วโมง
- การถูสบู่บริเวณจุดซ้อนเร้น
- การใช้น้ำยาอนามัย หรือ สเปรย์ดับกลิ่นจุดซ่อนเร้น
- การใช้แผ่นอนามัยเป็นประจำ ทำให้เกิดความอับชื้น
- การซักชุดชั้นในไม่สะอาด ตากไม่แห้งสนิท หรือ ล้างผงซักฟอกออกไม่หมด
- การรับประทานอาหารรสจัด เป็นประจำ
- การทานของหมัก ของดอง เป็นประจำ
- การทานผักที่มีกลิ่นแรง กลิ่นฉุน มีฤทธิ์ร้อน เช่น หน้อไม้ กุยช่าย เครื่องเทศ หัวหอม
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เป็นประจำ
ตกขาวเปลี่ยนไป จำเป็นต้องพบแพทย์หรือไม่
หากพบว่า สีตกขาว ของตนเองเปลี่ยนไป แต่ไม่ได้มีอาการปวดแสบ ปวดร้อนของอวัยวะเพศ อวัยวะเพศไม่บวม ไม่แดง และไม่ปวดท้องน้อย สามารถรักษาตกขาว ด้วยตัวเองก่อนได้ จากการปรึกษาเภสัชกร และ ซื้อยารักษาตกขาวใช้เองได้ เช่น
- ใช้ยารักษาตกขาวแบบเหน็บ หรือ สอดเข้าไปในช่องคลอด
ข้อดีของการใช้ยารักษาตกขาวแบบเหน็บ หรือ สอดเข้าไปในช่องคลอด คือ เห็นผลเร็ว เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบทานยา หรือ แพ้ยา ไม่สามารถทานยารักษาตกขาวได้ ทั้งนี้ ก็มีข้อเสียด้วยเช่นกัน เพราะยาเหน็บอาจละลายออกมา เลอะกางเกงใน อาจมีอาการระคายเคือง แสบ คันบริเวณช่องคลอดได้ และหากล้างมือไม่สะอาด ทำความสะอาดช่องคลอดไม่ดี แล้วสอดยาเข้าไป เสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นได้ด้วย
- การทานยาฆ่าเชื้อ
ยาฆ่าเชื้อเพื่อรักษาตกขาว ที่นิยมทาน เช่น ยาเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ยาคลินดามัยซิน (Clindamycin) ยาฟลูโคนาโซล (Fluconazole) เป็นต้น ทั้งนี้ การทานยารักษาตกขาว ควรอยู่ภายใต้การดูแล และ คำแนะนำของแพทย์ หรือ เภสัชกร เพราะอาจมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือ บางคนอาจต้องทานยาติดต่อหลายวัน
- ใช้ยาทาภายนอกเฉพาะที่
สำหรับผู้ที่เป็นตกขาว ตกขาวมีกลิ่น สีตกขาวเปลี่ยนไป แล้วไม่สามารถทานยารักษาตกขาวได้ หรือ จำเป็นต้องทาน และ ใช้ยาทาภายนอกเฉพาะที่ด้วย แพทย์ หรือ เภสัชกร จะสั่งจ่ายยาให้ เช่น โคลไตรมาโซล (Clotrimazole) ไมโคนาโซล (Miconazole) ไทโอโคนาโซล (Tioconazole) ซึ่งเป็นยารักษาตกขาว ต้านเชื้อรา บริเวณช่องคลอด ทั้งนี้ อาจมีผลข้างเคียงอยู่บ้างในผู้ใช้บางคน เช่น อาจเกิดการแสบ คัน ระคายเคือง บวม แดงบริเวณปากช่องคลอด
ทำตามนี้ ช่วยสีตกขาว ตกขาวมีกลิ่น ดีขึ้น
ทั้งนี้ ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคน ที่สีตกขาวเปลี่ยนไป แล้วจะต้องใช้ยารักษา เพราะหากสีตกขาวเป็นสีขาวข้น สีเหลืองขาว ไม่คัน ไม่มีกลิ่น หรือ สาเหตุตกขาวเกิดจากการลอกของเยื่อบุโพรงมดลูกเกิด ก็ไม่จำเป็นต้องทานยา หรือ ใช้ยารักษา เพียงแค่ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ หลีกเลี่ยงการทานอาหาร ที่กระตุ้นทำให้เป็นตกขาว ตกขาวมีกลิ่น ก็จะทำให้ตกขาวหายดีได้ และไม่กลับมาเป็นซ้ำได้ด้วย เช่น
- ทำความสะอาดร่างกาย ให้สะอาดอยู่เสมอ
- ระมัดระวังเรื่องความสะอาด หากจำเป็นต้องเข้าห้องน้ำสาธารณะ
- หากทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ด้วยการใช้น้ำเปล่าเท่านั้น และให้เช็ดให้แห้ง ก่อนสวมกางเกงใน
- ไม่ฟอกสบู่ หรือ ใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้น หากไม่จำเป็น เพื่อป้องกันช่องคลอดเสียความสมดุลความเป็นกรดด่าง
- ไม่สวนล้างช่องคลอด เพราะเป็นการทำลายแบคทีเรียชนิดดี
- สวมกางเกงในที่สะอาด สามารถระบายอากาศได้ดี
- หลีกเลี่ยงการสวมกางเกง ที่รัดแน่นจนเกินไป
- ไม่โกน แว็กซ์ขนอวัยวะเพศ เพราะจะทำให้เกิดการคัน แพ้ และก่อให้เกิดตกขาวได้
- ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ทุกครั้งหลังมีเพศสัมพันธ์
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันน้ำอสุจิ ทำปฏิกิริยากับความเป็นกรดด่าง ภายในช่องคลอด แล้วกระตุ้นทำให้เกิดตกขาว ตกขาวมีกลิ่น สีตกขาวเปลี่ยนไป
- หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นอนามัยทุกวัน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ป้องกันภูมิตก
- หลีกเลี่ยงการดื่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารรสจัด ของหมัก ของดอง อาหารที่มีน้ำตาลสูง เพราะเป็นตัวกระตุ้น เป็นสาเหตุตกขาวให้ผิดปกติ
- ทานโยเกิร์ต หรือ ดื่มนมเปรี้ยว เพื่อรักษาสมดุลภายในช่องคลอด
- ตรวจภายในเป็นประจำทุกปี
แนะวิธีรักษาตกขาว แบบปลอดภัย เป็นมิตรกับภายในผู้หญิง
การรักษาตกขาวที่ดี ต้องเป็นมิตรต่อระบบภายใน ไม่ทำลายค่าความเป็นกรดด่าง ภายในช่องคลอดของผู้หญิง และที่สำคัญ ต้องฟื้นฟูระบบภายใน ให้ดีขึ้นได้ด้วย เพื่อจะได้หายดีระยะยาว ซึ่งแน่นอนว่า สิ่งที่ตอบโจทย์มากที่สุด คือ “การใช้ยาสมุนไพรรักษาตกขาว” นั่นเอง เหตุผลก็เพราะว่า สมุนไพรให้ผลทั้งการรักษา และ การฟื้นฟู พร้อมบำรุงระบบภายในได้ในคราวเดียว ทั้งนี้จำเป็นต้องเลือกทานยาสมุนไพรรักษาตกขาว จากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ ไว้วางใจได้ มีความเชี่ยวชาญด้านยาสมุนไพรตัวจริง เช่น ศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ ผู้ผลิตยาสมุนไพร ที่มีผู้ซื้อซ้ำ และ บอกต่อกันมากที่สุด ยาวนานกว่า 30 ปี อยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ไทย และ เภสัชกร มีมาตรฐานการผลิต GMP มีผลการวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพ ของยาสมุนไพรรักษาตกขาว และ ได้รับการรับรองจาก อย. มาเรียบร้อยแล้ว
ซึ่ง ยาสมุนไพรรักษาตกขาว รีเพียว (Repure) เป็นสูตรตำรับเฉพาะ ลิขสิทธิ์หมออรรถวุฒิ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “ยา” การันตีถึงประสิทธิภาพ ในการรักษาตกขาว สีตกขาวที่ผิดปกติ ตกขาวมีกลิ่นเหม็น ฯลฯ ผ่านการเฟ้นหาสารสกัดที่ดี มีคุณภาพ มีส่วนประกอบจาก สารสกัดจากสมุนไพรรักษาตกขาว เข้มข้น 100% ที่สด ใหม่ ปราศจากสารเคมี สเตียรอยด์ และ เอสโตรเจน เช่น
- ข่าหดสกัด
- ไพลสกัด
- ขมิ้นอ้อยสกัด
- ว่านสากเหล็กสกัด
- ฝางสกัด
- ดอกคำฝอยสกัด
- เจตมูลเพลิงแดงสกัด
- ชะเอมเทศสกัด
- มะขามป้อม
โดยสมุนไพร ทั้งหมดนี้ มีส่วนช่วยรักษาตกขาว และ อาการอื่น ๆ เช่น
- ลดปริมาณตกขาว
- รักษาสีตกขาวผิดปกติ
- รักษาตกขาวมีกลิ่น ดับกลิ่นจุดซ่อนเร้น ช่องคลอด
- แก้มดลูกหย่อน กระบังลมหย่อน
- แก้อาการปัสสาวะเล็ด
- แก้มดลูกบวม แก้มดลูกอักเสบ กระชับมดลูก กระชับช่องคลอด แก้มดลูกต่ำ
- ป้องกันตกขาว ป้องกันซีสต์ ผังผืด มดลูกโต
- แก้อาการปวดท้องประจำเดือน ปวดหน่วงท้องน้อย ปวดหลัง
- ปรับประจำเดือน ให้มาปกติ
- แก้มดลูกอักเสบ เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ ปีกมดลูกอักเสบ
- ปรับน้ำหล่อลื่น ไม่ให้มากจนเกินไป ในกรณีผู้หญิงที่มีน้ำหล่อลื่นมาก
- ภายในฟิต กระชับ แน่น
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย บำรุงผิวสวยใส
ทั้งนี้ หากไม่มีปัญหาตกขาว ก็สามารถทานได้ เพราะเป็นสูตรปราศจากเอสโตรเจน เป็นสูตรลิขสิทธิ์เดียว ที่ไม่ทำให้อ้วน และ มีส่วนผสมของสมุนไพรช่วยเพิ่มการเผาผลาญ และ ลดไขมัน ผู้หญิงที่เป็นซีสต์ เนื้องอก พังผืด ก็สามารถทานได้โดยไม่เป็นอันตราย อีกทั้ง ยาสมุนไพรรักษาตกขาว รีเพียว (Repure) ยังช่วยปรับสมดุลภายใน ดูแลระบบภายใน ช่วยรักษา สิวฮอร์โมน ฝ้า กระ ได้ด้วย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
หากมีข้อสงสัยใด ๆ เพิ่มเติม สามารถคอมเม้นท์สอบถามได้ เรามีเภสัชกร และ ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพ