การตรวจไขมันพอกตับ เป็นหนึ่งในขั้นตอนการดูแลสุขภาพ ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม เพราะคิดว่าคงไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะว่า อาการไขมันพอกตับ เป็นภัยเงียบ ที่ค่อย ๆ ก่อตัวภายในร่างกาย ใช้ระยะเวลาการดำเนินโรคนานนับสิบปี โดยในช่วงแรก จะไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ ออกมาเลย ทำให้เรายังคงใช้ชีวิตได้ตามปกติ และจะค่อย ๆ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร ปัสสาวะเหลือง ปวดเมื่อยตามตัว บางคนกว่าจะรู้ตัวว่า ตัวเองเป็นไขมันพอกตับ ร่างกายก็ทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราต้องเสียเงิน เสียเวลา ในการรักษา ไขมันพอกตับตอนอาการหนักแล้ว ดังนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงความจำเป็น ในการตรวจไขมันพอกตับ ว่าจำเป็นมาก – น้อย แค่ไหน และ การตรวจไขมันพอกตับ ราคาแพงไหม ไม่ตรวจได้หรือเปล่า และ เราจะป้องกันอาการไขมันพอกตับได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเอง
ทำไมถึงต้องตรวจไขมันพอกตับ
คำถาม : ตรวจไขมันพอกตับจำเป็นแค่ไหน ไม่ตรวจได้หรือเปล่า?
คำตอบ : อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า อาการไขมันพอกตับ เป็นภัยเงียบที่ก่อตัวขึ้นในร่างกาย กว่าจะทราบว่าป่วยเป็นไขมันพอกตับ ก็สายเสียแล้ว หากคุณตรวจสุขภาพประจำปี เป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว ก็จะทราบค่าไขมันพอกตับได้ ว่าเป็นปกติหรือไม่ แต่หากคุณไม่เคยตรวจสุขภาพประจำปีเลย เราแนะนำให้ ตรวจไขมันพอกตับ เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ หากสุขภาพตับไม่ดี จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้ เพราะตับ มีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง เช่น
- ตับช่วยขจัดสิ่งแปลกปลอม และ สารพิษ
ตับ เปรียบเสมือน “โรงงานกำจัดขยะ” เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมากที่สุดชิ้นหนึ่งของร่างกาย เพราะเมื่อเรารับประทานอาหาร หรือ ยาบางชนิดเข้าไป ตับจะทำหน้าที่ คัดกรองเอาแต่สารอาหาร และ วิตามิน ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายไว้ และ กำจัดสิ่งตกค้างออกไป เพื่อไม่ให้สิ่งแปลกปลอม และ สารพิษหลงเหลือ จนเกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาในอนาคต
- ตับเป็นแหล่งสะสมสารอาหาร เอาไว้ใช้ยามจำเป็น
นอกจากตับจะทำหน้าที่ กำจัดของเสียแล้ว ตับยังทำหน้าที่กักเก็บพลังงานสำรอง เอาไว้ให้ร่างกายยามฉุกเฉิน โดยส่วนมาก ตับจะทำการแปลงสารอาหาร ที่เรารับประทานเข้าไป ให้อยู่ในรูปแบบของไขมัน หรือ ไกลโคเจน เพื่อให้ร่างกายได้นำไปใช้ได้เลยทันที ซึ่งหน้าที่สะสมพลังงานของตับนี่แหละ ที่เป็นสิ่งที่คุณควรให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากตับของคุณ สะสมไขมันไว้มากเกินปริมาณที่จำเป็น จะทำให้คุณเข้าสู่ ภาวะไขมันพอกตับได้ โดยไม่รู้ตัว
- ตับทำหน้าที่ผลิตน้ำดี
อีกหนึ่งหน้าที่สำคัญของตับ ก็คือ การผลิตน้ำดี เพื่อกำจัด และ ย่อยสลายไขมันที่สะสมอยู่ในบริเวณลำไส้เล็ก ทำให้ระบบทางเดินอาหาร และ ระบบการขับถ่ายของคุณไม่อุดตัน สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่า ตับ เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญกับร่างกายมาก แทบจะเรียก ได้ว่า เป็นศูนย์กลาง ของพลังงาน และ เป็นแหล่งกำจัดของเสียเลยก็ได้ ดังนั้นเห็นแล้วใช่ไหมว่า การดูแลสุขภาพตับ เป็นสิ่งสำคัญ และ การตรวจไขมันในตับ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยจริง ๆ
เมื่อไหร่ ที่ควรตรวจไขมันพอกตับ
คำถาม : เมื่อไหร่ ที่ควรตรวจไขมันพอกตับ?
คำตอบ : การตรวจไขมันพอกตับ สามารถตรวจได้ทันที โดยไม่ต้องรอ แต่หากว่าคุณเป็นกลุ่มเสี่ยงดังนี้ แล้วไม่เคยตรวจสุขภาพ ไม่เคยตรวจไขมันในตับ แนะนำให้รีบไปตรวจทันที
1. บุคคลในครอบครัวเคยเป็นโรคไขมันพอกตับ
หากคุณมีคนในครอบครัว เคยเป็นโรคไขมันพอกตับ ตลอดจนมีปัญหาโรคตับ ที่ร้ายแรงกว่านั้น เช่น โรคตับแข็ง โรคตับโต โรคตับอักเสบ ถือว่า คุณมีความเสี่ยง ที่จะเป็นโรคไขมันพอกตับได้ง่าย
2. น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน หรือ เป็นโรคอ้วน
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผู้ที่เป็นโรคอ้วน มีความเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพมากมาย ดังนั้นจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจไขมันพอกตับ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และ พยายามควบคุมน้ำหนัก ให้มีค่าดัชนีมวลกายอยู่ที่ BMI 23 – 25 เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นไขมันพอกตับนั่นเอง
3. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นไขมันพอกตับ ดังนั้นหากคุณเป็นคนชอบดื่ม จำเป็นอย่างมากที่จะต้องตรวจไขมันพอกตับ
4. ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
โรคเบาหวาน เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีทั้งค่าน้ำตาล และ ค่าไขมันในเลือดสูง เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ตับของคุณ ยิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าคุณรู้ตัวว่า เป็นเบาหวาน เราแนะนำให้คุณตรวจไขมันพอกตับด้วย
5. ชอบทานของมัน ของทอด อาหารไขมันสูง น้ำหวาน
อาการไขมันพอกตับ สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ที่มีพฤติกรรม ชอบทานของมัน ของทอด อาหารฟาสฟู้ด อาหารที่มีไขมันสูง ชอบทานแป้ง อาหารที่มีรสเค็ม ขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน ดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน หรือ ชานมบ่อย ๆ ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดเช่นกัน หากคุณเป็นพวกชอบทานสิ่งเหล่านี้ล่ะก็ แนะนำให้ไปตรวจไขมันพอกตับด้วยเช่นกัน
นอกจากกลุ่มเสี่ยงเบื้องต้น ที่ควรไปตรวจไขมันในตับแล้ว หากคุณมีอาการเหล่านี้ เราแนะนำให้ไปตรวจไขมันในตับเช่นกัน เพราะถือว่าเสี่ยงสูง ต่อการเป็นโรคไขมันพอกตับ เพื่อที่จะได้ทราบผลแน่ชัด และ หาวิธีการรักษา ไขมันพอกตับก่อนสายเกินแก้
- รู้สึกเจ็บ หรือ จุกเสียด บริเวณใต้ซี่โครงขวา บ่อยครั้ง
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ไม่กระปรี้กระเปร่า เหมือนอย่างเคย
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักลดลงไม่ทราบสาเหตุ
- มีอาการ คลื่นไส้
- มีอาการมึนงง หรือ สมาธิในการทำงานลดลง อย่างเห็นได้ชัด
- ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือ เป็นดีซ่าน
- อุจจาระปนเลือด
- อาเจียนเป็นเลือด
- ข้อมือ ข้อเท้าบวม
ตรวจไขมันพอกตับ ราคาแพงไหม มีกี่วิธี
คำถาม : ตรวจไขมันพอกตับ ราคาแพงไหม มีกี่วิธี
คำตอบ : ปัจจุบัน การตรวจไขมันพอกตับ มีเทคโนโลยี สำหรับการตรวจหลายวิธี เช่น
1. ตรวจเลือดดูค่าเอ็นไซม์ตับ
การตรวจเลือด สามารถวิเคราะห์ และ คัดกรองอาการเจ็บป่วย ของร่างกายได้แทบจะทุกโรค รวมไปถึง สามารถ ตรวจไขมันพอกตับได้ด้วย โดยแพทย์จะทำการนำตัวอย่างเลือดของคุณ ไปวิเคราะห์หาค่าเอ็นไซม์ตับ (Asparate aminotransferred -AST) ว่า สูงเกินค่ามาตรฐาน หรือ เกิน ค่าตับสูง เกิน 40 U/L หรือไม่ หากเกิน แสดงว่าคุณมีภาวะเสี่ยงที่จะเป็นโรคไขมันพอกตับ โดยค่าใช้จ่ายการตรวจไขมันพอกตับ ราคาเริ่มต้นที่ 6xx บาทขึ้นไป สำหรับโรงพยาบาล หรือ สถานพยาบาลเอกชน
2. การอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound)
การอัลตร้าซาวด์ เป็นการตรวจดูขนาด และ รูปร่างลักษณะของตับ ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ วิธีนี้เป็นวิธีที่ สำคัญมากในการตรวจไขมันพอกตับ เพราะโดยปกติแล้ว ตับของคนทั่วไป จะมีขนาดประมาณ 1 กิโลกรัม และ มีลักษณะพื้นผิวเรียบ หากตับของคุณโต หรือ มีลักษณะที่ใหญ่ขึ้น บวกกับ มีพื้นผิวขรุขระ แปลว่า ตับของคุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคไขมันพอกตับ และ อาจลุกลามกลายเป็นตับแข็งได้ ค่าใช้จ่ายสำหรับการอัลตร้าซาวด์ ตรวจไขมันพอกตับ ราคาเริ่มต้นที่ 8xx บาทขึ้นไป สำหรับโรงพยาบาล หรือ สถานพยาบาลเอกชน
3. ตรวจไขมันพอกตับ ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
การตรวจไขมันพอกตับ ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า วิธีนี้จะค่อนข้างละเอียด และ สามารถชี้ชัดถึงสภาวะไขมันพอกตับได้มากกว่า การอัลตร้าซาวด์ อีกทั้งยังสามารถตรวจดูลักษณะพื้นผิวของตับ ว่ามีผังผืด ซึ่งเป็นสาเหตุของ โรคตับแข็ง และ โรคมะเร็งตับ ร่วมด้วยหรือไม่ โดยค่าใช้จ่ายในการตรวจไขมันพอกตับ ราคาเริ่มต้นที่ 8,xxx บาทขึ้นไป สำหรับโรงพยาบาล หรือ สถานพยาบาลเอกชน
4. ตรวจไขมันพอกตับด้วย FIBROSCAN
ตรวจไขมันพอกตับด้วย FIBROSCAN เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่ใช้วิเคราะห์ ตรวจไขมันพอกตับ โดยเครื่อง FIBROSCAN จะทำการปล่อยคลื่นเสียงเข้าไป เพื่อดูปฏิกิริยาของเนื้อตับว่านุ่มเด้ง หรือ แข็ง กว่าปกติ หรือ ไม่ นอกจากนี้ เครื่อง FIBROSCAN ยังสามารถวิเคราะห์ค่าไขมันในตับได้อย่างแม่นยำ โดยที่คุณไม่ต้องเจ็บตัวเลย เครื่อง FIBROSCAN จะมีค่าใช้จ่าย ในการตรวจไขมันพอกตับ ราคาเริ่มต้นที่ 2,XXX บาทขึ้นไป สำหรับ โรงพยาบาล หรือ สถานพยาบาลเอกชน
นอกจากนี้ ยังมีวิธีตรวจไขมันพอกตับอื่น ๆ อีก เช่น
- ตรวจระดับไขมันในเลือด เพื่อดูค่าคอเลสเตอรอล (Cholesterol) และ ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride)
- ตรวจระดับน้ำตาลสะสมในเลือด
- ตรวจไวรัสตับอักเสบทุกชนิด
- ตรวจความผิดปกติของตับ ด้วยการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)
ไม่ตรวจไขมันพอกตับ ได้หรือไม่
คำถาม : ไม่ตรวจไขมันพอกตับ ได้หรือไม่?
คำตอบ : การตรวจไขมันพอกตับ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละคน แต่สิ่งสำคัญที่เราอยากให้ทุกคนทราบ คือ โรคไขมันพอกตับ หากเป็นแล้วไม่รักษา ไขมันพอกตับให้ดี จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่น ๆ ได้ในอนาคต เช่น
- โรคตับอักเสบ
- โรคตับแข็ง
- โรคตับวาย
- โรคมะเร็งตับ
- โรคสมองจากโรคตับ
- โรคดีซ่าน
- โรคท้องมาน
ดังนั้น หากคุณ ไม่อยากเผชิญกับโรคร้ายเหล่านี้ คุณควรที่จะหันมาใส่ใจสุขภาพ และทำการตรวจสุขภาพ ตรวจไขมันพอกตับ เป็นประจำ
ดูแลตัวเองตามนี้ ลดเสี่ยงไขมันพอกตับได้
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นตัวต้นเหตุ ที่ทำให้ตับของคุณทำงานหนัก ไขมันสะสมในตับ จนเข้าสู่ภาวะไขมันพอกตับ และอาจลุกลาม ไปสู่การเป็นโรคตับแข็งได้
- งดดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน เพราะมีส่วนผสมของน้ำตาลสูง
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ด ของทอด ชีส เนื้อสัตว์ติดมัน ที่จะไปเพิ่มภาระให้ตับของคุณ ต้องทำงานกำจัดของเสียหนักมากขึ้น
- เลี่ยงการทานข้าวขัดสี แป้ง และน้ำตาล เพราะตับสามารถดูดซึมน้ำตาลจากอาหารเหล่านี้ได้ทันที แนะนำให้ทานข้าวไม่ขัดสีแทน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอรี
- หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อเผาผลาญไขมัน ปรับสมดุลไขมันในตับ และ ลดความเสี่ยงของการเกิด โรคไขมันพอกตับได้
- ทานผัก และ ผลไม้น้ำตาลน้อย แต่มีกากใยสูง เช่น ชมพู่ ฝรั่ง เพื่อช่วยในการขับถ่าย
- ไม่รับประทานอาหารรสจัด
- ไม่สูบบุหรี่
ทานยาสมุนไพรรักษาโรคไขมันพอกตับ ลดโอกาสเสียเงินตรวจไขมันพอกตับได้
คุณรู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันไม่มียาแพทย์แผนปัจจุบันขนานไหน ที่มีกลไกไปลดไขมันตับ ได้โดยตรง ดังนั้นหากป่วยเป็นโรคไขมันพอกตับ แพทย์จะทำการจ่ายยา ในกลุ่มสแตติน (Statins) ให้ผู้ที่เป็นไขมันพอกตับแทน โดยยาในกลุ่มนี้ จะไปช่วยลดไขมันในเลือด ยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์ที่ตับ ไม่ให้เปลี่ยนมาเป็นไขมันเลว (LDL) คอเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์ แต่ไขมันในตับ จะยังคงอยู่
แต่ยาสมุนไพรรักษาโรคไขมันพอกตับนั้น สามารถช่วยรักษา ไขมันพอกตับได้อย่างตรงจุด คนที่ไม่เป็นไขมันพอกตับ ก็สามารถทานได้ เพราะสกัดจากสมุนไพร ทำให้คุณลดโอกาสเสียเงินในการตรวขไขมันพอกตับได้ด้วย โดยเฉพาะ ยาสมุนไพรรักษาโรคไขมันพอกตับ ตรีผลา FORTE จาก ศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ เป็นสูตรตำรับเฉพาะ ลิขสิทธิ์เฉพาะของศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “ยา” แสดงถึงประสิทธิภาพ ในการรักษา ไขมันพอกตับได้จริง แตกต่างจากอาหารเสริม อีกทั้งมีมาตรฐานกระบวนการผลิตสูง ภายใต้ทีมแพทย์ และ เภสัชกร มีการรับรองจาก อย. แล้วว่า ปลอดภัยจริง เนื่องจากสกัดจากสมุนไพร 100% มากกว่า 22 ชนิด เช่น
- สารสกัดจากทองพันชั่งดอกขาว และ ทองพันช่างดอกเหลือง ที่มีส่วนช่วยในการฟอกเลือด ปรับสมดุลความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ขับของเสียในไต ลดอาการบวมน้ำ
- สารสกัดจากสมอทั้ง 5 คือ สมอไทย สมอภิเภก สมอเทศ สมอดีงู สมอทะเล ที่มีส่วนช่วยลดไขมันพอกตับ ล้างพิษในตับ ล้างไขมันเกาะตับ ล้างไขมันในเลือด ลดคอเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์ ปรับสมดุลความดัน เป็นต้น
- สารสกัดดอกคำฝอย ดีปลี ขิงแห้ง เจตมูลเพลิง กระวานเทศ ที่มีส่วนช่วยในการลดไขมันส่วนเกิน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยในเรื่องการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และ ลดความดัน
- สารสกัดจากสมุนไพรชนิดอื่น ๆ เช่น ลูกจันทน์ ชุมเห็ดไทย กานพลู แสมสาร แก่นขี้เหล็ก ฯลฯ
โดยส่วนผสมจากสมุนไพรรักษาโรคไขมันพอกตับ ที่อยู่ใน ตรีผลา FORTE ทั้งหมดนี้ จะทำหน้าที่ในการดูแลตับ และ อวัยวะภายใน เช่น
- ช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดระดับน้ำตาลในเลือด ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันในเลือด ไขมันอุดตันในเส้นเลือด
- ล้างไขมันในตับ แล้วขับออกทางระบบน้ำดี และ ขับทิ้งทางอุจจาระ ทำให้ไขมันในเลือดค่อย ๆ ลดลงตาม อย่างปลอดภัย
- ช่วยล้างเมือกมัน ตะกรันในลำไส้ ล้างพิษตับ ล้างน้ำเหลืองเสีย ขับไขมันสะสม ของเสีย พิษต่าง ๆ
- ทำให้ตับไม่มีไขมัน ตับอ่อนทำงานได้ดี อินซูลินที่หลั่งจากตับอ่อน ก็ดีขึ้นตามลำดับด้วย
- ร่างกายถูกปรับสมดุล ตามหลักธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ตามหลักแพทย์แผนไทย ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น หลอดเลือดที่ตีบ ปลายหลอดเลือดที่แข็ง จะได้รับการฟื้นฟู
- ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย ลดน้ำหนัก ตามสมดุลธรรมชาติ
- ช่วยปรับสมดุลขับถ่าย ให้เป็นปกติ ไม่เกิดของเสียสะสม ไขมันสะสม
- ช่วยบำรุงปลายประสาท แขน ขา แก้อาการชาปลายมือ และ เท้า
- ลดอาการบวมน้ำ
- ช่วยทำให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า
- ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย
- สามารถทานระยะยาวได้ เป็นการฟื้นฟูลึกถึงต้นเหตุ ของโรคไขมันพอกตับ อย่างลงลึก ละเอียดอ่อน ดีระยะยาว
สำหรับใครที่ทานยารักษา ไขมันพอกตับ แผนปัจจุบันอยู่ ก็สามารถทานคู่กันไปได้เลย เพราะจะส่งผลให้ลดปริมาณยารักษา ไขมันพอกตับ แผนปัจจุบันลงเรื่อย ๆ จนดีได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งยาไปตลอดชีวิต ช่วยแก้ผลข้างเคียง ของการทานยาแผนปัจจุบัน ทำให้ค่าตับ ไตดีขึ้น ไม่เสื่อมเร็ว สามารถไปตรวจแลปซ้ำได้เลย จะพบว่าค่าตับค่อย ๆ ดีขึ้น นอกจากนี้ ไม่จำเป็นต้องมีอาการไขมันพอกตับครบทุกอย่าง หรือ ยังไม่ได้เป็นอะไรก็ทานได้เลย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
หากมีข้อสงสัยใด ๆ เพิ่มเติม สามารถคอมเม้นท์สอบถามได้ เรามีเภสัชกร และ ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพ